Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ คงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท ไทยประกันชีวิตที่ ‘A-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

156

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7มีนาคม 2567)-----------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Rating: IFS Rating) ของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ที่ ‘A-’ (หรืออยู่ในระดับ “แข็งแกร่ง”) และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating) ของ TLI ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

อันดับเครดิตของ TLI สะท้อนถึงโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทในธุรกิจประกันภัยที่ยังแข็งแรง (Favorable Company Profile) รวมทั้งระดับเงินกองทุนและผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโดยมีอัตรากำไรจากมูลค่าของธุรกิจใหม่ (New Business Value Margin) ที่ดี อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครดิตของบริษัทได้ถูกลดทอนไปบ้างจากความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และการลงทุนที่อยู่ในระดับปานกลาง

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
โครงสร้างการดำเนินงานที่แข็งแรง: ฟิทช์ประเมินโครงสร้างการดำเนินงานของ TLI อยู่ในระดับแข็งแรง (favorable) เมื่อเทียบกับบริษัทประกันชีวิตอื่นในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีขนาดของธุรกิจระดับกลาง มีเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ที่แข็งแรง และการมีบรรษัทภิบาลที่ดี (neutral) จึงส่งผลให้TLI มีอันดับคะแนนเครดิตที่ ‘a-’ ในด้านโครงสร้างการดำเนินงานในธุรกิจประกันภัย (company profile credit factor score) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาปัจจัยเครดิตของฟิทช์ (credit factor scoring guideline)

TLI เป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในประเทศไทย โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 14% ในด้านเบี้ยประกันชีวิตรวม ณ สิ้น ปี 2566 บริษัทมีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีความหลากหลาย ทั้งในส่วนของประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ ประกันสุขภาพ และประกันเพื่อการลงทุน อีกทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง ผ่านเครือข่ายตัวแทนขายประกันชีวิตมากกว่า 25,000 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่ 72% ของเบี้ยประกันทั้งหมด ในขณะที่การขายประกันผ่านธนาคารพาณิชย์และบริษัทนายหน้า (broker) มีสัดส่วนที่ 21% ของเบี้ยประกัน และช่องทางอื่นๆ คิดเป็น 7%

ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่าบริษัทจะมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่แข็งแรง โดยบริษัทมีระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมาย (Risk-based capital ratio) ที่ปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 398% ณ สิ้นปี 2566 (420% ณ สิ้นปี 2565) แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 140% อย่างมาก ทั้งนี้ฟิทช์ได้ประเมินฐานะเงินกองทุนของบริษัท ด้วย Prism Model ของฟิทช์ ซึ่งฐานะเงินกองทุนของบริษัทยังคงอยู่ที่สูงกว่าระดับ 'แข็งแกร่งมาก' (‘Very Strong’) จากข้อมูลการเงิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2566

ผลประกอบการที่สม่ำเสมอ: บริษัทยังคงมุ่งเติบโตในธุรกิจที่มีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงนัก และยังมีอัตรากำไรที่ดีและค่อนข้างมั่นคง โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 11% ซึ่งปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีในช่วงปี 2564 – 3Q66 ที่ 10% ทั้งนี้ กำไรของธุรกิจใหม่ได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่สัดส่วนประกันสะสมทรัพย์ที่มีการรับประกันผลตอบแทนสูงปรับตัวลดลง ซึ่งจะทะยอยถูกแทนที่โดยประกันแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล อีกทั้งบริษัทยังมีกลยุทธ์การปรับราคาเบี้ยประกันที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เสถียรภาพของรายได้ยังมีได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานด้านการลงทุนที่สม่ำเสมอ ซึ่งวัดจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3% ในอดีตถึงปัจจุบัน

อัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้นทรงตัว: บริษัทมีสัดส่วนการลงทุน (portfolio mix) ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก โดยมีอัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้นค่อนข้างทรงตัว โดยอยู่ที่ระดับ 190% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2566 (อัตราเฉลี่ย 3 ปีที่ 196%) สินทรัพย์เสี่ยงของบริษัทส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในตราสารหุ้นและตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตสากลต่ำกว่าระดับลงทุน (below investment grade) อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าว ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์ของฟิทช์สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลที่ช่วงระดับ ‘A’ (category) ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และการลงทุนของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)
- การปรับตัวลดลงของอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 280% และการปรับตัวแย่ลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า "ระดับแข็งแกร่ง" เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
- การปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำกว่า 6.5% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง และมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (value of new business) ที่ลดลง เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating)
- หากบริษัทมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นและมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจมากขึ้น ด้านการกระจายตัวเชิงภูมิศาสตร์ที่ดีขึ้น และช่องทางการขายที่มีความหลากหลาย และ
- การรักษาระดับเงินกองทุนของ TLI ให้ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง

อัตราความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)
- อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ TLI ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศที่อยู่ในอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้