สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (4 มีนาคม 2567)------ นายวีระชาติ โลห์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)NEP เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งให้ บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีปรากฎข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินประจำปี 2566 เกี่ยวกับการหยุดกระบวนการผลิตและขายสินค้าการขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ และการเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งเป็นเหตุให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นั้น บริษัทฯขอชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

สืบเนื่องจากบริษัทมีผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักขาดทุนสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ปี2551 จนถึงปัจจุบัน ยาวนานมากกว่า 15 ปีและมีกระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้พยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อาทิการปรับปรุงคุณภาพสินค้า การลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต การควบคุมค่าใช้จ่าย การวางแผนกำลังคนเพื่อให้สอดคล้องกับการรับค าสั่งซื้อ รวมทั้งการชะลอรับบุคลากรในสายงานผลิต และลดการทำงานล่วงเวลารวมทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่บริษัทผลิตเอง ก็ได้รับผลกระทบจากการสั่งซื้อสินค้าที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง มีการแข่งขันทางด้านราคา ลูกค้ามีกำลังการสั่งซื้อสินค้าในปริมาณที่น้อยลงโดยไม่เก็บเป็นสต็อก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูง ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีความพยายามในการปรับปรุงผลการดำเนินงานมาโดยตลอด แต่ก็ไม่สามารถสร้างกำไรขั้นต้นได้

บริษัทฯได้พิจารณาวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วว่าหากบริษัทดำเนินงานในธุรกิจเดิมต่อไปจะท าให้มีผลกระทบต่องบการเงินและสภาพคล่องของบริษัทอีกทั้งยังมีเจ้าหนี้ทางการค้าสะสมที่รอการชำระหนี้จากการสั่งซื้อวัตถุดิบเพื่อการผลิตหลายราย ที่มีความเสี่ยงว่าบริษัทฯจะถูกฟ้องร้อง บริษัทฯได้เคยพิจารณาแผนธุรกิจที่จะปรับรูปแบบการทำธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิต มาเป็นตัวแทนจำหน่าย (Trading) แต่เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการเป็นตัวแทนจำหน่าย (Trading) ยังคงพบว่ามีความเสี่ยงสูง ในด้านการแข่งขันทางด้านการตลาดที่รุนแรง มีการแข่งขันทางด้านราคาและเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนคุณภาพ
สินค้าจากเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว บริษัทฯจึงพิจารณาหยุดการดำนินงานในธุรกิจที่มีผลขาดทุนทุกชนิดตามที่บริษัทฯได้รายงานไปในรายงานแนวทางและความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไข กรณีถูกขึ้นเครื่องหมาย C เมื่อวันที่ 23พฤศจิกายน 2566 ว่าบริษัทฯจะยุติทุกรายการสินค้าและทุกธุรกิจที่บริษัทมีผลการขาดทุนขั้นต้น ดังนั้นบริษัทฯจึงจำเป็นที่ต้องยุติการผลิตและการจัดหน่ายผลิตภัณฑ์กระสอบพลาสติกและผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน และการเลิกจ้างพนักงานในสายงานผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และสายงานสนับสนุนบางส่วน รวมถึงการขายสินทรัพย์เครื่องจักร อุปกรณ์ยานพาหนะ และวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้งาน ลดขนาดโครงสร้างองค์กรลง เพื่อลดต้นทุนคงที่อย่างชัดเจน เพื่อให้บริษัทมีกระแสเงินสดเป็นบวก และมีเงินสดจากการขายทรัพย์สินฯไว้ใช้เป็น Working Capital สำหรับแผนดำเนินธุรกิจใหม่ในอนาคต

1. สถานะการหยุดประกอบธุรกิจ ทั้งในด้านการหยุดกระบวนการผลิตและขายสินค้า การขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ และการเลิกจ้างพนักงาน รวมทั้งระยะเวลาสิ้นสุดการมีรายได้จากการประกอบธุรกิจของบริษัท
• ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)(“บริษัท”) ครั้งที่ 18/2566 ประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติแผนธุรกิจประจำปี 2567 ซึ่งเป็นแผนการยุติการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระสอบพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน และการเลิกจ้างพนักงานในสายงานผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และสายงานสนับสนุนบางส่วน ซึ่งบริษัทฯแจ้งให้พนักงานรับทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามคำแนะนำของสวัสดิการคุ้มครองแรงงานแรงงาน เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ซึ่งการเลิกจ้างพนักงานดังกล่าวเป็นพนักงานในสายงานการผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และส่วนงานสนับสนุนบางส่วน รวมทั้งสิ้น 108 คน นั้น บริษัทฯได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่มีข้อพิพาทด้านแรงงานแต่อย่างใด สืบเนื่องจากพนักงานเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทมาโดยตลอด และมีพนักงานที่ยังคงสถานภาพพนักงานของบริษัทฯในการดำเนินกิจการตามปกติรวม 14 คน ประกอบไปด้วย ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและบริหารกิจการของบริษัทให้เป็นไปตามแผนงาน เลขานุการบริษัท มีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาเอกสารที่สำคัญ และช่วยคณะกรรมการและบริษัทให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ฝ่ายบัญชีการเงิน 3 คน รับผิดชอบงานบัญชีและการเงินรวมทั้งการปิดงบการเงินของบริษัท ผู้ตรวจสอบภายในรับผิดชอบในการตรวจสอบและประเมินความเพียงพอของมาตรการควบคุมภายใน เจ้าหน้าที่กฎหมายให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เจ้าหน้าที่การตลาด รับผิดชอบงานด้านแผนธุรกิจใหม่ร่วมกับฝ่ายจัดการ เจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคุมดูแลด้านสารสนเทศ Hardware, Software และNetwork ธุรการสำนักงาน 4 คน ดูแลงานต้อนรับ งานเอกสาร รับ-ส่งเอกสาร อาคารสถานที่ และยานพาหนะ และเมื่อเริ่มประกอบกิจการในธุรกิจ บริษัทฯจะพิจารณารับพนักงานเข้ามาเพิ่มในโครงสร้างการจัดการธุรกิจใหม่

• บริษัทฯได้หยุดกระบวนการผลิตและขายสินค้า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ยังคงทยอยส่งสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตไว้แล้วให้กับลูกค้าที่มีกำหนดเวลาให้ทยอยส่งสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับลูกค้าบริษัทฯจะยังรับรู้รายได้จากการขายจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน 2567 รวมมูลค่าประมาณการ 2.90 ล้านบาท จนถึงวันที่ส่งสินค้าสำเร็จรูปครบถ้วนแล้ว บริษัทฯจะดำเนินการเปิดเผยข้อมูลตามเหตุการณ์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทันที

• การขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจนั้น บริษัทได้เปิดประมูลขายทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักร เช่นเครื่องพิมพ์ฟิล์ม เครื่องเคลือบ เครื่องสลิท และเครื่องทำซอง อุปกรณ์ เช่น เครื่อง Chiller, Aircompressor ยานพาหนะ เช่น รถรับ-ส่งพนักงาน รถบรรทุกส่งสินค้า และวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้งาน เช่นฟิล์ม สี กาว บล็อกพิมพ์ รวมมูลค่าตามบัญชีคงเหลือ 36.78 ล้านบาท โดยประกาศบนเว็บไซต์บริษัทตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม - 20 กุมภาพันธ์ 2567 ประกาศผลผู้ชนะราคาการประมูลวันที่ 1 มีนาคม2567 ซึ่งได้น ารายการทรัพย์สินบางรายการที่ชนะราคาการประมูล 9 รายการ เสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วยงบประมาณ 5.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไป ในรายการขายสินทรัพย์ปกติ เป็นรายการขนาดเล็ก ซึ่งฝ่ายจัดการสามารถดำเนินการขายได้ตามขั้นตอน หลังจากที่ขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว ผู้ซื้อ-ผู้ขายไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในประการใด ๆ จึงไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยง ส่วนสินทรัพย์ที่ยังคงเหลือ บริษัทฯจะเปิดหาผู้ประมูลที่เสนอราคาสูงสุด เพื่อขออนุมัติขายในราคาที่เหมาะสมต่อไป บริษัทคำนวณตามเกณฑ์การได้มาหรือจำหน่ายไปของสินทรัพย์ซึ่งมูลค่าตามบัญชี(Book value) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เท่ากับ 36.78 ล้านบาท มีขนาดรายการเท่ากับ 6.10%ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน ซึ่งเป็นรายการขนาดเล็ก (X < 15%) ไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องดำเนินการตามขนาดรายการ

• หลังจากบริษัทฯยุติธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯจะยังรับรู้รายได้ค่าเช่า และจะนำโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้าของบริษัทออกให้เช่า เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่

2. สถานะและความคืบหน้าของการศึกษาธุรกิจใหม่ และกรอบระยะเวลาที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 18/2566 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอนุมัติแผนธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจสิ่งแวดล้อม ที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่จะเป็นธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทต่อไปได้โดยบริษัทฯมีการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินงานตามแผนธุรกิจใหม่ภายในปี 2567 ดังนี้
ม.ค. - มี.ค. 67 ยุติการผลิตและขายผลิตภัณฑ์ปรับปรุงพื้นที่โรงงาน
เม.ย. -ก.ค. 67 สรรหาผู้เช่าโรงงานเพื่อให้เกิดรายได้จากค่าเช่า ในระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่
ส.ค. - ก.ย. 67 สรุปแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่
ต.ค. - ธ.ค. 67 ดำเนินการในธุรกิจใหม่ตาม Action Plan
จากการกำหนดแผนธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯได้ทำการวิเคราะห์แผนการเงินและกระแสเงินสดอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงธุรกิจในครั้งนี้ บริษัทฯจะมีงบการเงินและกระแสเงินสดในปี 2567 ที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

3. เหตุผลที่บริษัทไม่เปิดเผยข้อมูลมติคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 และวันที่ 18 มกราคม2567 เกี่ยวกับแผนการหยุดประกอบธุรกิจต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทันที เนื่องจากข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลสำคัญและส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุน ซึ่งต้องเปิดเผยทันทีตามข้อกำหนด และ ขอให้แจ้งมาตรการกำกับดูแลเพื่อให้บริษัทปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์

• บริษัทฯ ไม่มีเจตนาที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญของบริษัท และไม่มีเจตนาเป็นอื่นใดที่จะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ข้อบังคับ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
• เหตุผลที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมติคณะกรรมการบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์ เกิดจากความความเข้าใจของฝ่ายจัดการบริษัทว่าข้อมูลที่มีในการเสนอแผนธุรกิจที่มีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้เข้าข่ายเป็นการเข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน เมื่อพิจารณาตามงบการเงินรวมของบริษัทที่ผ่านการสอบทานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ถือเป็นรายการขนาดเล็ก (X<15%) บริษัทจึงไม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามประกาศรายการได้มาหรือจ าหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ในรายการขนาดเล็ก โดยฝ่ายจัดการสามารถขออนุมัติคณะกรรมการบริษัทและด าเนินการตามแผนงานต่อไปได้เลย จากข้อเท็จจริงในการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนดังกล่าว บริษัทฯจึงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมติคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับแผนการหยุดประกอบธุรกิจต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทันที

• ทั้งนี้บริษัทได้คำนึงถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดีในเรื่องความเสี่ยงต่อความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและบริหารความเสี่ยงกำหนดแนวทางลดผลกระทบการดำเนินการต่างๆให้รอบคอบและรอบด้านที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เช่นการทำวามเข้าใจกับพนักงาน และปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน คู่ค้า เจ้าหนี้ ธนาคาร ที่ต้องสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่ให้กระทบกับคำสั่งซื้อลูกค้าที่ยังมีการซื้อขายช่วงเวลานี้อยู่ การหารือกับผู้ตรวจสอบเพื่อเปิดเผยข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานบัญชีเป็นต้น บริษัทจึงต้องกำหนดแผนงานรายละเอียดการด าเนินงานให้ขัดเจนเพื่อเปลี่ยนผ่านให้ราบรื่นที่สุด โดยคำนึงถึงประโยชน์กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและคำนึงถึงความรับผิดชอบการรักษามูลค่ากิจการให้กับผู้ถือหุ้นมาตรการก ากับดูแลเพื่อให้บริษัทปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์
บริษัทฯมีระบบและผู้รับผิดชอบตามกลไกดังนี้
1. มีนโยบายและแนวทางการเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์และแนวทางของตลาดหลักทรัพย์
2. กำหนดผู้รับผิดชอบในการทำหน้าที่ โดยมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการเท่านั้นเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นข้อมูลความเสี่ยงที่จะกระทบกับราคาหลักทรัพย์
3. ในระหว่างด นินการที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ บริษัทฯมีกลไกในการรักษาความลับภายในที่ไม่พึงเปิดเผยกับภายนอกอย่างเข้มงวด และข้อมูลความลับอยู่ในวงจำกัด
4. มีการประชุมเพื่อซักซ้อมและติดตามความเสี่ยงของการดำเนินงาน และมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการคนเดียวที่จะเปิดเผยได้เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์
5. หากมีรายการที่สำคัญ บริษัทฯจะขอคำปรึกษาจาก FA และฝ่ายกฎหมาย(อ้างอิงประกาศเลขที่ บจ./ป 23-00 ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทจดทะเบียน บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2536)