RS ธุรกิจหลัก 4Q23 พลิกเป็นขาดทุน

ผลประกอบการ 4Q23 ผิดหวัง ธุรกิจหลักพลิกเป็นขาดทุน

เราเปลี่ยนคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย” จาก 1) ผลประกอบการ 4Q23 ประกาศกำไรสุทธิจากรายการพิเศษ แต่ผลประกอบการหลักขาดทุน ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดเป็นกำไร จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่คาดไว้ 2) ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวกระทบต่อธุรกิจมีเดียและธุรกิจพาณิชย์ที่มีความระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อยอดขาย เราปรับประมาณการลงแบบอนุรักษนิยมต่ำกว่าที่บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ประกาศกำไรสุทธิ 4Q23 แต่ธุรกิจหลักขาดทุน และกำไรหลักปี 2023 ต่ำกว่าที่เราคาดไว้

RS ประกาศกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 23 ล้านบาท และกำไรสุทธิปี 2023 อยู่ที่ 1,395 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4 ยังมีรายการพิเศษกำไรจากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์มิวสิคให้กับ UMG หลังหักภาษีจำนวน 152 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการหลักขาดทุน 125 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่สูงขึ้นจากการงานอีเว้นท์ และกำไรทั้งปี 2023 หลังหักรายการพิเศษกำไรจากการขายหุ้น CHASE และการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้กับ UMG กำไรหลักจะอยู่ที่ 39 ล้านบาท ลดลง 72%YoY จากปี 2022 ที่กำไรสุทธิ 137 ล้านบาท

รายได้รวม 4Q23 ลดลง (-7%YoY,-16%QoQ) ลดลงจากธุรกิจพาณิชย์เป็นหลักและธุรกิจมีเดียลดลง QoQ จากจำนวนงานคอนเสิร์ตที่มีน้อยกว่า 3Q23 สำหรับรายได้รวมปี 2023 เพิ่มขึ้น 3%YoY มาจากธุรกิจมีเดียที่มีงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับ Grammy หลายงานเพิ่มขึ้น ในส่วนธุรกิจพาณิชย์ลดลง 16%YoY จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังซบเซาส่งผลต่อยอดขายผ่านทีวีโฮมช็อปปิ้งในกลุ่ม RS mall ลดลง ยกเว้นธุรกิจ U-Life มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง Life mate สินค้าใหม่เพิ่มขึ้น สำหรับธุรกิจ มีเดียเพิ่มขึ้น 22%YoY เติบโตจากงานมิวสิคและงานอีเว้นท์คอนเสิร์ตที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนและค่าใช้จ่ายใน 4Q23 เพิ่มขึ้นเนื่องจากงานอีเว้นท์ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สำหรับปี 2023 อัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงเดิม และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 11%YoY จากการทำการตลาดและงานอีเว้นท์เป็นหลัก โดยในปีที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวน 52 ล้านบาทจาก RS UMG และการขายหุ้น CHASE หากไม่รวมรายการดังกล่าว ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้น 7.6%YoY

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 4,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%YoY มาจากธุรกิจพาณิชย์ เป้าหมาย 2,050 ล้านบาท (+43%YoY) ธุรกิจพาณิชย์ทำการตลาดแบบใหม่ “Influencer commerce” ผ่านแพลตฟอร์ม Social media ต่างๆ คาดจะเห็นได้ใน 2Q24F นี้ โดยอาศัยศักยภาพของศิลปิน ดารา ภายในสังกัดที่มีจํานวนมาก และวางแผนร่วมทุนกับพาร์เนอร์ขยายตลาดประเทศฟิลิปปินส์ร่วมสร้างแบรนด์ใหม่ขยายช่องทางจำหน่ายต่างประเทศคาดจะเห็นใน 2Q-3Q นี้ และธุรกิจมีเดียเป้าหมาย 2,350 ล้านบาท (+ 6%YoY) มุ่งเน้นสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมมากขึ้น และมีงานอีเว้นท์ใหญ่ 7-8 งานในปีนี้

ปรับประมาณการลงสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

คาดแนวโน้มผลประกอบการ 1Q24F ผลประกอบการยังอ่อนแอ จากเป็นช่วง low season ของธุรกิจมีเดีย และคาดธุรกิจพาณิชย์ทรงตัวจากเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว เราปรับประมาณการปี 2024-25F ลดลงคาดเดิม 53% และ 57% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปี 2024F อยู่ที่ 173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2023 อยู่ที่ 39 ล้านบาท และปี 2025F อยู่ที่ 197 ล้านบาท (+14%YoY) จากคาดธุรกิจพาณิชย์เพิ่มขึ้นปีละ 9% และ 8% ตามลำดับ เราคาดการณ์แบบอนุรักษ์นิยม ต่ำกว่าเป้าหมายบริษัทคาดจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจใหม่ๆในกลุ่ม Influencer commerce เพิ่มช่องทางจำหน่ายมากขึ้นและมีโอกาสทำรายได้มากกว่าที่เราคาดไว้ และคาดธุรมีเดียเพิ่มปีนี้ 6% ใกล้เคียงกับเป้าหมายจากงานอีเว้นท์ที่เพิ่มขึ้น และปีถัดไปคาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% จากฐานรายได้เริ่มสูง คาดอัตราทำกำไรอยู่ที่ปีละ 52% เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ตามรายได้ธุรกิจพาณิชย์ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตรามาร์จิ้นดี กว่าและคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 43.5% จากอัตราการเติบโตของรายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย

เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ขาย” จาก “ถือ” จากแนวโน้มผลประกอบการที่ยังมีความท้าทายในช่วงสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลต่อธุรกิจมีเดียและธุรกิจพาณิชย์ ราคาเป้าหมายใหม่จากการปรับประมาณการอยู่ที่ 12 บาท (อ้างอิงวิธี DCF, WACC 8%) โดยราคาปัจจุบันมี PER24F ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 84X และคาด Dividend Yield’24F ที่ 0.8% ค่อนข้างต่ำยังไม่มีน่าสนใจ ความเสี่ยง: เศรษฐกิจชะลอตัว ยอดขายสินค้าไม่เป็นไปตามคาด