***โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆ***
Key Point
4Q66 ยอดโอนอ่อนตัวตามสภาพเศรษฐกิจ และมีการกลับรายการกำไรพิเศษซึ่งเป็น 1 Time ทำให้กำไรออกมาอ่อนตัว ทำให้กำไรทั้งปี อ่อนตัว y-y ส่วนปีนี้ มีคอนโดครบกำหนดโอนมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จะช่วยให้รายได้โอนเติบโตขึ้น แต่ยังเห็นรายได้รวมยังอ่อนตัวจากการร่วมทุนที่ลดลง รายได้ค่าบริหารและมีกำไรจากการขายบ.ย่อยลดลง แต่จะมีกำไรพิเศษเข้ามาช่วยให้กำไรปี 67 เติบโตได้ด

  4Q66 มียอดกลับรายการเฉพาะโครงการที่ร่วมทุนในไตรมาสนี้ราว 2 ร้อยกว่าลบ. ( 70 ลบ. เป็นของ BRI) จากการจัดรูปแบบรายการบัญชีใหม่ ให้มีการรับรู้รายการเฉพาะในโครงการที่จะเปิดในปีบัญชีถัดไป ซึ่งยอดนี้อาจบันทึกได้ใน ปี 69 เป็นต้นไป และการร่วมทุนที่ลดลง ทำให้มีรายได้ค่าบริหารโครงการลดลง และมียอดโอนอสังหาฯที่อ่อนตัวจากธนาคารปล่อยสินเชื่อยากขึ้น ทำให้มีกำไรสุทธิ 46.9 ลบ. –95.5%y-y –95.3%q-q

   ปี 66 มี Presale 47,267 ลบ. +15%y-y All time high ได้ market share เพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด และได้ร่วมทุนไปว่า 61โครงการ มูลค่า 72,362 ลบ. ค่อนข้างเยอะ ทั้งอสังหาฯ โรงแรมและคลังสินค้า ซึ่งเป็นโครงการยาวไปถึง 2-3 ปีข้างหน้า ให้มีกำไรจากการขายบริษัทย่อย มีรายได้ค่าบริหารโครงการที่สูงขึ้นนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายเข้ามาในบริษัทร่วมค้าสูงขึ้นตามสัดส่วน JV ทำให้ส่วนแบ่งกำไรลดลง y-y ยอดโอน(รวมJV) 20,448.7 ลบ.(รวมJV) +10.5%y-y โอน JV เพิ่มขึ้น y-y แต่โอนในส่วนของ ORI ลดลง y-y เป็นปัจจัยหลักทำให้รายได้รวมลดลง มี GPM ลดลง y-y จากรายได้ token real X ที่มี GPM ต่ำ มี SG&A เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้นตามการขยายงานของกลุ่มบริษัท ทำให้มีกำไรสุทธิ 2,718.2 ลบ. –28.0%y-y ยังมี Backlog ณ สิ้นปี 45,889 ลบ.(รวมJV) ยังมีอยู่สูง สามารถโอนได้ในปีนี้ 17,616 ลบ.

ปี 67 รอรับกำไรพิเศษ
  1.เนื่องจากยังไม่ได้มีการร่วมทุนจากการซื้อโรงแรมในช่วง 3Q66 ท าให้ต้องกลับรายการกำไรจากการต่อรองราคาซื้อ 276 ลบ. ซึ่งคาดว่าจะหาผู้ร่วมทุนใหม่ได้ในช่วง 2Q-3Q67และจะรับรู้รายได้กลับเข้าไปยังส่วนแบ่งกำไร
2.เตรียมขายคลังสินค้า 1 โครงการ เข้ากอง REIT ในช่วงกลางปี คาดมีกำไรพิเศษจากการขายเข้ามาราว 300 ลบ.(หลังภาษี)
 3.กำไรจากการขายบริษัทย่อยจากการร่วมทุนส่วนของ JV-บริษัท เป็นปกติไตรมาสละ 2-3 โครงการ

  1Q67 มี Backlog คอนโด-จุฬา-3ย่าน ที่ยังเป็นก้อนใหญ่อยู่ และมีคอนโด Brixton-เกษตรศรีราชา ครบกำหนดโอนอีก 1 โครงการ แนวราบ 2 โครงการ จะมีกำไรพิเศษจากการขายบริษัทย่อยที่เซ็นสัญญาร่วมทุนแนวราบกับพฤกษา คาดกำไรจะอยู่ในระดับ 600-650 ลบ. ฟื้นตัว q-q แต่ยังอ่อนตัว y-y เศรษฐกิจยังขาดปัจจัยกระตุ้น

แนวทางโครงการอสังหาฯปี 67
 ปี 67เปิดโครงการ 37,000 ลบ. โครงการส่วนใหญ่เน้นไปทาง JV แบ่งเป็นคอนโด 15โครงการ มูลค่า 17,000 ลบ. และแนวราบ 20 โครงการ มูลค่า 20,000 ลบ. โดย 48% เป็นต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภูเก็ตและเขต EEC หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการสร้างให้ไทยเป็น Hub ในอุตสาหกรรมต่างๆ จะทำให้มีโอกาสเข้าหา ORI มากขึ้น โครงการที่เน้นไปทาง JV มีจุดเด่นในการร่วมมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่นเจ้าใหญ่ มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และเลือกทำเลที่ดีกว่าคู่แข่งได้ง่ายกว่า โครงการแนวราบเน้นบ้านระดับราคาสูงมากขึ้น ปัจจุบันมีระดับสต๊อกสูงขึ้น ทางบริษัทมองว่าเพียงพอต่อการขาย จึงเลือกเปิดโครงการลดลง y-y คาดเห็นเปิดโครงการระดับนี้ไปต่อเนื่อง จะทำให้ประหยัดค่าการตลาด-โฆษณาราว 500-600 ลบ. ต่อปีมี SG&A to sale ดีขึ้น ผู้บริหารตั้งเป้า Presale 49,000 ลบ. +3.7% ด้วยโครงการที่เปิดใหม่ลดลงทั้งแนวราบและแนวสูง และปัจจุบันสถานการณ์ขายยังทรงตัว q-q มองว่าเป้าค่อนข้างท้าทาย

ปี 67 มีกำไรพิเศษเข้ามาดันกำไรสุทธิเติบโต
 ปีนี้คาดรายได้อสังหาฯปรับตัวดีขึ้นมีโครงการครบกำหนดโอนมูลค่ารวมมากขึ้นกว่าปีก่อน GPM อสังหาฯ 31.5% เพิ่มขึ้น y-y แต่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าปกติอาจมีการเร่งระบายสต๊อกในปีนี้ ในปีที่ผ่านมาร่วมทุนเยอะ อาจเห็นการร่วมทุนลดลงในปีนี้ ทำให้มีกำไรจากการขายบริษัทย่อยลดลง มีรายได้ค่าบริหารโครงการลดลง เป็นปัจจัยหลักที่คาดว่าจะทำให้มีรายได้รวมยังอ่อนตัวลง y-yแต่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเข้ามาในบริษัทร่วมค้าลดลงตามสัดส่วน JV มองว่าส่วนแบ่งกำไรปีนี้จะดีขึ้น และกำไรพิเศษที่เข้ามา คาดกำไรสุทธิ 3,276.0 ลบ. +20.5%y-y บริษัทพยายามมุ่งเน้นสร้างรายได้ในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากอสังหาฯ ดันระดับกำไรในแต่ละธุรกิจ เพื่อนำบริษัทลูกเข้าตลาดฯตามแผนงาน เพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น

ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท/หุ้น อิงวิธี SOTP
  ทางฝ่ายฯใช้วิธี SOTP ราคาพื้นฐานลงที่ 9.50 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลงมามากจากผลประกอบการ 4Q66 ที่อ่อนตัวซึ่งเป็นผลจากการกลับรายการพิเศษเป็นหลัก และจะกลับมาบันทึกในปี 67 และใน 1Q67 กำไรจะฟื้นตัว q-q กลับมาเป็นปกติไปตามสภาพเศรษฐกิจ ทางฝ่ายจึงมองเป็นโอกาสในการลงทุน คงคำแนะนำ”ซื้อ”