Today’s NEWS FEED

News Feed

ส.อ.ท. กังวลสินค้าราคาถูกด้อยคุณภาพบุกตลาดไทย

302

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 2 มีนาคม 2567 )---นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 38 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ภายใต้หัวข้อ "สินค้าราคาถูกด้อยคุณภาพบุกตลาดไทย ภาคอุตสาหกรรมรับมืออย่างไร" จากความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท. พบว่า มีผู้ตอบแบบสำรวจที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและสินค้าไม่มีมาตรฐานที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทย มากถึง 65.8% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด ส่งผลกระทบทำให้ยอดขายสินค้าของไทยลดลงตั้งแต่ 10% จนถึง มากกว่า 30% ในบางอุตสาหกรรม ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมภายในประเทศ เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามาในประเทศได้ รวมทั้งมีความกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพและไม่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า  อาหาร เครื่องสำอาง สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม สินค้าแฟชั่น วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
 
จากผลกระทบดังกล่าว ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับสินค้าที่ไม่มีมาตรฐานและใช้การสําแดงเท็จนำเข้าผ่านด่านศุลกากร ควบคู่ไปกับการตรวจสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานในท้องตลาดทั้ง มอก. และ อย. รวมทั้ง จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาสินค้าราคาถูกที่เข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ E Commerce platform โดยการพิจารณาทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท และออกมาตรการป้องกันการสําแดงราคาเท็จ ตลอดจนทบทวนเงื่อนไขการใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) เพื่อทำให้เกิดความเท่าเทียมในการขายสินค้าในประเทศ
 
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงสถานการณ์การแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอาเซียน ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มองว่า ต้นทุนการผลิตของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นมากทั้งจากค่าไฟฟ้า ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ทำให้สินค้าไทยในปัจจุบันเริ่มที่จะแข่งขันได้ยากยิ่งขึ้นในตลาดอาเซียน ซึ่งจะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกสินค้าไปอาเซียน ปี 2566 ที่ลดลงกว่า 7.12% เมื่อเทียบกับปี 2565  
 
จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 234 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก
46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 38 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
 
1.  ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐานที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยระดับใด
อันดับที่ 1 : ยอดขายลดลง 10%        20.9%
อันดับที่ 2 : ยอดขายลดลง 20%        19.7%
อันดับที่ 3 : ยอดขายลดลง มากกว่า 30%   17.9%
อันดับที่ 4 : ยอดขายลดลง 30%         7.3%
อันดับที่ 5 : ไม่ได้รับผลกระทบ         34.2%       
 
2.  ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐานในเรื่องใด (Multiple choices)          
อันดับที่ 1 : อุตสาหกรรมภายในประเทศสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน     81.2%
                เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้      
อันดับที่ 2 : ความปลอดภัยของผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ  74.4%
                และไม่มีมาตรฐาน                 
อันดับที่ 3 : การจัดการขยะที่มาจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า      44.0%
อันดับที่ 4 : การลักลอบนำเข้าสินค้ามาสวมสิทธิของไทยในการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ   42.3%
 
3.  ภาคอุตสาหกรรรมีแนวทางการปรับตัวเพื่อแข่งขันกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามาในตลาดอย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้รับรองมาตรฐาน เช่น มอก., อย.  65.8% 
อันดับที่ 2 : สร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับ และพัฒนาบริการหลังการขาย      58.1%
อันดับที่ 3 : พัฒนากระบวนการผลิตและสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม      49.1%
                ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภค
อันดับที่ 4 : ปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเจาะกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ      46.6%
 
4.  ภาครัฐควรมีมาตรการปกป้องผู้ประกอบการไทยจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐานอย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับสินค้าไม่มีมาตรฐานและสําแดงเท็จ     78.2%
                ที่มีการนำเข้าผ่านด่านศุลกากร และการตรวจสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
                ในท้องตลาดทั้ง มอก. และ อย.     
อันดับที่ 2 : ทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์    66.2%
                ที่ไม่เกิน 1,500 บาท และออกมาตรการป้องกันการสําแดงราคาเท็จ
อันดับที่ 3 : ทบทวนเงื่อนไขการใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าในเขตปลอดอากร           54.7%
                (Free Zone Warehouse) ในกรณีขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
อันดับที่ 4 : การนำมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนตลาด            48.3%
               (Anti-Circumvention: AC) มาบังคับใช้
 
5.  กลุ่มสินค้าใดที่ภาครัฐควรเร่งเข้ามาช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบจากสินค้าราคาถูกและไม่มีมาตรฐาน (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : เครื่องใช้ไฟฟ้า 70.1%
อันดับที่ 2 : อาหาร และเครื่องสำอาง 55.6%
อันดับที่ 3 : สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าแฟชั่น   49.6% 
อันดับที่ 4 : วัสดุก่อสร้าง   42.7%
อันดับที่ 5 : เครื่องจักรกล   30.3%
 
6.  ภาคอุตสาหกรรมมีมุมมองต่อการแข่งขันกับสินค้าที่ทะลักเข้ามาในตลาดอาเซียนอย่างไร
อันดับที่ 1 : สินค้าไทยแข่งขันได้ยาก เนื่องจากต้นทุนที่อยู่ในระดับสูง         57.7%
อันดับที่ 2 : สินค้าไทยถูกแยกส่วนแบ่งทางการตลาดบางส่วน แต่ยังสามารถรักษาตลาดไว้ได้  31.2%       
อันดับที่ 3 : สินค้าไทยยังคงเป็นที่นิยมและสามารถแข่งขันได้  11.1%
      
 
 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เก็งกำไรงบ บจ. By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองห้วงการเก็งกำไร ประเด็นงบไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะเป็นสตอรี่ที่นักลงทุน ให้น้ำหนักการเก็งกำไร หรือ แม้งบอาจ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้