สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1มีนาคม 2567)--------บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เผยผลประกอบการปี 2566 มีรายได้จำนวน 23,975.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,216.9 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ดีของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ และกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 31 ร้อยละ 40 ร้อยละ 16 ร้อยละ 8 และร้อยละ 5 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ
TTA มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 8.2 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.35 เท่า นอกจากนี้ TTA ยังมีกระแสเงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงานจำนวน 3,040.8 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 2.50 เท่า สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอ
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า
โทรีเซน ชิปปิ้ง ยังคงทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งภาคภูมิใจ คือ การเป็นบริษัทไทย และบุคลากรส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้าในระดับโลกตลอดมา จะเห็นได้ว่า ในปี 2566 โทรีเซน ชิปปิ้ง ได้รับสัญญาให้บริการขนส่งท่อส่งน้ำมันเหล็กเคลือบให้แก่โครงการการขนส่งน้ำมันดิบในแถบแอฟริกาตะวันออกเป็นเวลา 3 ปี และมีลูกค้าใช้บริการขนส่งท่อนซุงในประเทศนิวซีแลนด์และขนส่งปูนซีเมนต์ในแถบแอตแลนติกเหนือเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ สำนักงานให้เช่าเรือขนส่งที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็มีผลประกอบการที่ดีขึ้นตามลำดับ
เมอร์เมดฯ มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยในปี 2566 เมอร์เมดฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นในทุกงานบริการ โดยเหตุผลหลักเกิดจากการขยายฐานรายได้และฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้ เมอร์เมดฯ ได้สัญญางานบริการนอกชายฝั่งใหม่หลายรายการทั้งในประเทศไทย ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซาฮาราตะวันตก และสหราชอาณาจักร มีมูลค่ารวมกันเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ เมอร์เมดฯ จะรุกขยายงานวิศวกรรมนอกชายฝั่งที่ครบวงจรในประเทศเวียดนาม และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้จัดตั้ง บริษัทร่วมทุน ทัน แคง เมอร์เมด ซับซี เซอร์วิสเซส จำกัด (TCMS) ซึ่งเพิ่งได้สัญญาระยะสั้นจากลูกค้าแล้ว 1 โครงการ
บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA เผชิญกับความท้าทายในเรื่องของราคาปุ๋ยที่ลดลง แต่ด้วยมาตรฐานของคุณภาพสินค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง ประกอบกับการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ดี ประกอบกับมีนโยบายกำหนดราคาและส่วนลดที่แน่นอน เน้นการทำตลาดผ่านเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายในประเทศเวียดนามและการทำตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาสัดส่วนกำไรไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ในปี 2566 ที่ผ่านมา พิซซ่า ฮัท มีการโฆษณาผ่านสื่อมวลชนมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้แบรนด์พิซซ่า ฮัท กลับมาอยู่ในสายตาของผู้บริโภค และเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้างอีกครั้ง ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของพิซซ่า ฮัท ไม่ได้จำกัดเพียงกลุ่มครอบครัวเท่านั้น แต่รวมไปถึง กลุ่มคนทำงานออฟฟิศ กลุ่มนิสิต นักศึกษา อีกด้วย และพิซซ่า ฮัท ริเริ่มร้านคอนเซ็ปใหม่ ชื่อว่า พิซซ่า แอนด์ บาร์ เป็นแห่งแรกในประเทศไทยและในเอเชีย และแห่งที่ 2 ของโลก ที่ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติและนักท่องเที่ยว ซึ่งผลตอบรับดีมาก
ในปี 2566 ทาโก้ เบลล์ ประสบความสำเร็จในการทำกำไรเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์การขยายสาขาไปยังสถานีบริการน้ำมัน และย่านพักอาศัยรอบนอกของกรุงเทพฯ เช่น บางนา, ราชพฤกษ์, และพระรามสอง โดยเน้นที่การสร้างการรับรู้แบรนด์และการทดลองใช้บริการ ทำให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง รวมถึงการขยายไปยังเมืองท่องเที่ยว เช่น ที่พัทยา และภูเก็ต ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากเช่นกัน
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานรายได้ค่าระวางที่ 7,369.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 47เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากค่าระวางเรือของตลาดที่ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จากค่าระวางเรือที่สูงเป็นพิเศษในปี 2565 และจำนวนวันทำงานของเรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจฯ ยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 10,678 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน อยู่ที่ร้อยละ 27 อัตราการใช้ประโยชน์ยังคงสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 100 และอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดอยู่ที่ 28,023 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขนส่งทางเรือ อยู่ที่ 4,258 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม อยู่ร้อยละ 16 โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 1,528.4 ล้านบาท ในปี 2566 โดยเป็นเจ้าของเรือจำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน และมีอายุเฉลี่ย 15.7 ปี
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมดฯ รายงานรายได้จำนวน 9,628.6 ล้านบาท ในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะงานวิศวกรรมใต้ทะเล (Subsea-IRM) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 43 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของงานจากเรือเช่าระยะสั้น และงานที่ไม่ใช้เรือในโครงการวิศวกรรมใต้ทะเลด้านสำรวจและซ่อมบำรุง นอกจากนี้ อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 ในปี 2566 ในส่วนของรายได้งานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation :T&I) เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เนื่องจากการขยายธุรกิจในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสรุป เมอร์เมดฯ รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 199.9 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างนัยสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น เมอร์เมดฯ ยังมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบที่สูงเป็นประวัติการณ์ จำนวน 734.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2566
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : ในปี 2566 บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้ที่ 3,778.8 ล้านบาท มีปริมาณการขายปุ๋ยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็น 169.3 พันตัน สำหรับปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศเวียดนาม คิดเป็นร้อยละ 82 ของปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมด อยู่ที่ 139.1 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 เนื่องจากการฟื้นตัวของความต้องการใช้ปุ๋ยในประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ หากพิจารณาตามประเภทของปุ๋ย ปริมาณการขายปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยล 66 เป็น 41.6 พันตัน และปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม (NPK fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เป็น 127.7 พันตัน ในส่วนของรายได้จากผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่นๆ (Pesticides) อยู่ที่ 285.5 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปี 2565ในขณะที่ รายได้จาการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9 เป็น 109.5 ล้านบาท ซี่งเป็นผลมาจากการขยายอาคารคลังสินค้าเพิ่มประกอบกับความต้องการใช้คลังสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสรุป กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 39.8 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) : พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้น อยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 185 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่
ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 25 สาขาทั่วประเทศ
กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์
บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 91.87 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100