สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 กุมภาพันธ์ 2567)-----------ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดขายค้าปลีกปี 2567 เติบโตชะลอตัวลงจากปีก่อน หรืออยู่ที่ราว 3.0% (YoY) มีมูลค่าประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท (รูปที่ 1) โดยยังคงมีแรงหนุนมาจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับผลของราคาสินค้าบางรายการ โดยเฉพาะราคาสินค้าอาหารและของใช้ส่วนตัวที่น่าจะยังปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการสำรวจผู้ประกอบการค้าปลีก พบว่า กว่า 60% ของธุรกิจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าในอีก 3 เดือนข้างหน้า (การสำรวจ Retailer Sentiment Index: RSI เดือนมกราคม 2567 ของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย)

รูปที่ 1 การขยายตัวของยอดขายค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค (%YoY)

หมายเหตุ: ประเมินจากการบริโภคภาคเอกชน ณ ราคาปีปัจจุบัน ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

• ยอดขายค้าปลีกในไทยเติบโต แต่ผู้ผลิตสินค้าไทยต้องแข่งขันรุนแรงกับสินค้านำเข้า โดยเฉพาะจากจีนที่เข้ามาตีตลาดในไทย ซึ่งในปี 2566 ไทยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนมูลค่า 469,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% (YoY) หรือมีสัดส่วนราว 41% ของการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด (รูปที่ 2)
โดยสินค้าที่จีนเข้ามาตีตลาดส่วนใหญ่มีทั้งกลุ่มที่เป็นของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า มีสัดส่วนมูลค่าประมาณ 43.3% ของมูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดจากจีน รองลงมา ได้แก่ ผักผลไม้สดและปรุงแต่ง 10.0% เสื้อผ้าและรองเท้า 9.3% รวมถึงเครื่องใช้ในบ้านและของตกแต่ง 9.1% เป็นต้น (รูปที่ 3)

รูปที่ 2 ไทยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนเพิ่มขึ้น รูปที่ 3 มูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีน 5 อันดับ*

หมายเหตุ: *ข้อมูลปี 2566
ที่มา: กระทรวงพาณิชย์ รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

• การเข้ามาตีตลาดของสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีน กดดันความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าในไทย จากการแข่งขันของจีนส่งผลให้ผู้ผลิตไทยในหมวดสินค้า เหล่านี้เผชิญกับการแข่งขันที่ลำบากขึ้น โดยจะเห็นได้จากสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการมีราคาถูกกว่าไทย เช่น สินค้าแฟชั่น (รองเท้า กระเป๋า) และผักผลไม้สดและปรุงแต่ง เป็นต้น (รูปที่ 4)

นอกจากนี้ กำลังการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ถูกสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ของกิน (Non-food) ซึ่งอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่น (รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย) และเฟอร์นิเจอร์ อยู่ที่เพียง 30-45% (รูปที่ 5)

รูปที่ 4 ตัวอย่าง สินค้านำเข้าจากจีนมีราคาเฉลี่ยถูกกว่าเมื่อเทียบกับไทย รูปที่ 5 อัตราการใช้กำลังการผลิตของหลายอุตสาหกรรมลดลง

หมายเหตุ:
1ราคาสินค้าจากจีน ประเมินจากมูลค่านำเข้าต่อปริมาณนำเข้าของสินค้านั้นๆ (Unit price) ซึ่งอาจเป็นราคาที่ยังไม่บวกกำไรของคนขายในประเทศ
2ราคาสินค้าไทย ประเมินจากมูลค่าจัดจำหน่ายต่อปริมาณการจำหน่ายในประเทศของสินค้านั้นๆ
3สินค้าอาจมีความแตกต่างกันในรายละเอียด

ที่มา: กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

• ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ตลาดค้าปลีกในภาพรวมจะยังเติบโต แต่การแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้า ทำให้ผู้ผลิตสินค้าไทยจะยังอยู่ในสถานการณ์การดำเนินธุรกิจที่ยากลำบาก