• GLOBAL : กำไรรายไตรมาสเป็นไปตามคาดและคาดว่าจะดีขึ้นใน 2H

กำไรรายไตรมาสเป็นไปตามคาด, ผลประกอบการทั้งปีลดลงตามยอดขาย
กำไรสุทธิรายไตรมาสอยู่ที่ 561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% QoQ ลดลง 2.5% YoY โดยกำไรสุทธิรายไตรมาสเป็นไปตามประมาณการของเรา และสูงกว่าการคาดการณ์ของ Bloomberg ถึง 10% โดยน่าจะมาจากยอดขายที่ดีเกินคาด ในระหว่างไตรมาส อย่างไรก็ตาม บริษัทรายงานอัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSg) อยู่ที่ 12.3% โดยเหล็กคิดเป็นประมาณ 15% ของรายได้ทั้งหมด อัตรากำไรขั้นต้นในระหว่างไตรมาสอยู่ที่ 26% และดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นของเหล็กอยู่ที่ 10% กำไรสุทธิปี 2023 อยู่ที่ 2.67 พันล้านบาท ลดลง 23% YoY กำไรสุทธิลดลงจากการเติบโตของรายได้ที่ลดลง ; รายงาน SSSg ในระหว่างปีอยู่ที่ 10.8%

เน้นการขยายกิจการในต่างประเทศและการขยายสาขา
ส่วนแบ่งธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท YoY คิดเป็น 135 ล้านบาทสำหรับปี หรือ 5% ของกำไรสุทธิทั้งหมด เมียนมามีการปรับตัวดีขึ้น YoY ตามมาด้วยลาวที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ และการดำเนินงานในอินโดนีเซียลดลง ในปี 2023 GLOBAL ได้เปิดตัวสาขา 6 สาขา จากแผนที่วางไว้ 7 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดตัวร้านค้า 7-8 แห่ง ซึ่งตามแผนที่วางไว้ 1 ในจุดหมายปลายทางคือ BMR, 4 แห่งในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 2 แห่งในภาคใต้ของประเทศไทย และ 1 แห่งในศูนย์ที่นครสวรรค์

การเติบโตของ SSSg ขึ้นอยู่กับการจัดสรรโครงการของรัฐบาล
SSSg ในปีนี้ผู้บริหารคาดว่าจะทรงตัว โดยคาดว่าจะลดลงสำหรับ 1H และดีขึ้นใน 2H การดำเนินงานของกำไรน่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเบิกจ่ายกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของ private label mix 100bps จากปี 2023 เป็น 25% โครงการภาษีอิเล็กทรอนิกส์นี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อ GLOBAL เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังคงมาจากจุดหมายปลายทางในต่างจังหวัดเป็นหลัก ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีอยู่ที่ 26%

คงคำแนะนำ “ถือ” จากการประเมินมูลค่า
เรายังคงรอดูผลการดำเนินงานของบริษัทตลอดทั้งปี แม้ว่า SSSg ยังคงลดลงเล็กน้อยในเดือนมกราคม แต่ 1H ยังคงได้รับแรงกดดันจากการใช้จ่ายโดยรวมและฐานที่สูง ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ GLOBAL จากการประเมินมูลค่า โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 16.00 บาท