สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(5กุมภาพันธ์ 2567)-- นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) EFORL เปิดเผยว่าตามที่บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) กู้ยืมเงินจากนายชาครีย์ โลหะเจริญทรัพย์จำนวน 2 รายการ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 จำนวน 25.00 ล้านบาท และ วันที่ 19 ตุลาคม2564 จำนวน 58.75 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวน 83.75 ล้านบาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ MLR-0.25ต่อปีณ วันทำสัญญาอัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ 5.22 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MLR (Minimum LoanRate) คืออัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยที่บริษัทตกลงชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ทุกเดือนและตกลงชำระคืนภายในเดือนกันยายน 2571 รวมดอกเบี้ยจ่ายที่จะเกิดขึ้นจำนวน 15.29 ล้านบาท รายละเอียดตามหนังสือที่อ้างถึง

บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่1/2567 มีมติอนุมัติการทำรายการเกี่ยวโยงกัน ประเภทการรับความช่วยเหลือทางการเงิน โดยการทำบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาเงินกู้กับนายชาครีย์ โลหะเจริญทรัพย์โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. วัน เดือน ปี ที่เกิดรายการ
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567

2. คู่กรณีที่เกี่ยวข้อง
ผู้กู้ : บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)
ผู้ให้กู้ : นายชาครีย์ โลหะเจริญทรัพย์
บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน : นายชาครีย์ โลหะเจริญทรัพย์ เป็นบุตรของนายจักรกริสน์ โลหะเจริญทรัพย์, กรรมการบริษัท

3. ลักษณะทั่วไปของรายการ
การรับความช่วยเหลือทางการเงิน โดยขอพักชำระหนี้เงินต้นเป็นระยะเวลา 8 เดือน

4. รายละเอียดของรายการ
มูลค่าของรายการ: เงินกู้คงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน60.80 ล้านบาทมูลค่าเงินต้นที่พักชำระ จำนวน 7.98 ล้านบาท

ดอกเบี้ยจ่ายที่จะเกิดขึ้น: 6.90 ล้านบาท

อัตราดอกเบี้ย: MLR-0.25 ต่อปีณ วันทำสัญญาอัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ 7.02 ต่อปี
(อัตราดอกเบี้ย MLR (Minimum Loan Rate) คืออัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) และอัตราดอกเบี้ย MLR อาจเปลี่ยนแปลง
ตามประกาศของธนาคาร

ระยะเวลาการพักชำระหนี้เงินต้น: 8 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2567

การคืนเงินต้นและดอกเบี้ย: บริษัทตกลงจะชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดให้แก่ผู้ให้กู้ตามกำหนดระยะเวลาเดิม ภายในเดือนกันยายน 2571

หลักทรัพย์ค้ำประกัน: ไม่มี

5. วัตถุประสงค์ในการรับความช่วยเหลือทางการเงิน
เพื่อรักษาเครดิตกับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นแหล่งสินเชื่อหลักในการทำธุรกรรมทางการค้าของบริษัทเนื่องจากการทำรายการดังกล่าวเป็นการบริหารสภาพคล่องที่มีจำกัด เพื่อให้บริษัทสามารถชำระหนี้เงินกู้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินได้ตรงตามกำหนดซึ่งบริษัทจะหมดภาระหนี้กับสถาบันการเงินในเดือนสิงหาคม 2567

6. กรรมการที่มีส่วนได้เสียไม่เข้าร่วมประชุมและงดออกเสียง
วาระการพิจารณาเรื่องการทำรายการเกี่ยวโยง ประเภทรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน กรรมการที่มีส่วนได้เสียจากการทำรายการนี้ คือนายจักรกริสน์โลหะเจริญทรัพย์ซึ่งเป็นญาติสนิทของผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ได้เข้าร่วมประชุม และไม่ได้ร่วมออกเสียงลงคะแนนในวาระนี้

7. ความเห็นของกรรมการบริษัท
เห็นสมควรให้ทำรายการเนื่องจากการทำรายการดังกล่าวสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์แก่บริษัทและเป็นกรณีซึ่งบริษัทได้รับความยินยอมจากผู้ให้กู้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุคคลแล้ว อีกทั้งเห็นว่าการพักชำระหนี้เงินต้นครั้งนี้เป็นการทำรายการเพื่อรักษาเครดิตกับสถาบันการเงิน เป็นการบริหารสภาพคล่องของบริษัทเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทจะหมดภาระหนี้กับสถาบันการเงินในเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับการทำบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาเงินกู้เพื่อขอพักชำระหนี้เงินต้นกับผู้ให้กู้ เป็นระยะเวลา 8 เดือน (มกราคม- สิงหาคม 2567) ซึ่งเป็นการบริหารสภาพคล่องของบริษัท เพื่อรักษาเครดิตของบริษัท เพื่อลดข้อจำกัดในการจัดหาแหล่งเงินทุนและ/หรือ เงินกู้ยืมจากแหล่งอื่น เป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจต่อไปในอนาคต

8. ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบที่แตกต่างจากความเห็นของกรรมการบริษัท
ไม่มี

9. ลักษณะและมูลค่าของรายการ
รายการดังกล่าวเข้าข่ายรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันและประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 ประเภทรายการรับความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่าของรายการรวม 6.90 ล้านบาท รายการดังกล่าวจึงเป็นรายการเกี่ยวโยงขนาดกลาง ซึ่งมีมูลค่าของรายการมากกว่า 1 ล้านบาท แต่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทและเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย