สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 มกราคม 2567)------นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)SCC เปิดเผยว่า งบการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย (ก่อนตรวจสอบ)รวมทั้งคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการของบริษัทฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้

ปี 2566 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 499,646 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 จากปีก่อน สาเหตุหลักจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง ประกอบกับสถานการณ์ตลาดในภูมิภาคที่อ่อนตัว และการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics เนื่องจากเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมจากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logisticsและมีกำไรสำหรับปี 25,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีก่อน ส่วนใหญ่จากกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 แม้ว่าธุรกิจเคมิคอลส์มีส่วนต่างราคาขายลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) มีรายได้ จากการขายสําหรับปี 2566 เท่ากับ 129,398ล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อน มี EBITDA เท่ากับ 17,778 ล้านบาท ลดลง 8% เมือเทียบกับปีก่อน และมีกําไรสําหรับปีเท่ากับ 5,248 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อนในปี2566 เอสซีจีมีส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วม เท่ากับ 8,419 ล้านบาท ลดลง2,284 ล้านบาท หรือ 21% จากปี ก่อน โดยส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมิคอลส์คิดเป็น 43% ของทั้งหมด หรือเท่ากับ 3,592 ล้านบาท ลดลง1,336 ล้านบาทจากปีก่อน และมีส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมจากธุรกิจอื่นเท่ากับ 4,827 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของทั้งหมด ลดลง 948 ล้านบาท จากปีก่อนเอสซีจีมีเงินปันผลรับในปี2566 เท่ากับ 11,536 ล้านบาท ลดลง 35% หรือ 6,283ล้านบาท จากปีก่อน โดยเอสซีจีมีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม (เอสซีจีถือหุ้น 20-50%)เท่ากับ 8,204 ล้านบาท และจากบริษัทอื่น (เอสซีจีถือหุ้นต่ำกว่า 20%) เท่ากับ 3,332ล้านบาท

ด้านรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนในปี 2566 มีมูลค่าเท่ากับ 38,555 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นของธุรกิจเคมิคอลส์ 48% ธุรกิจแพคเกจจิ้ง 22% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 19% และส่วนงานอืน 11% โดยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สําหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจรของ LSP

ทั้งนี้คาดการณ์รายจ่ายลงทุนสําหรับปี 2567อยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนในเรื่อง Greenในปี 2566 EBITDA เท่ากับ 54,143 ล้านบาท ในขณะทีมีกระแสเงินสดจ่ายทั้งสิ้น65,042 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน 38,555 ล้านบาทจ่ายเงินปันผล 8,089 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 13,306 ล้านบาท และจ่ายภาษีเงินได้5,092 ล้านบาท

เอสซีจียังคงมีโครงสร้างทางการเงินทีมันคงโดยมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหารณ สิ้นปี 2566 เท่ากับ 68,064 ล้านบาท ลดลงจาก ณ สิ้น ปี 2565 ซึ่งอยู่ที 95,402ล้านบาท เนื่องจากการจ่ายคืนเงินกู้บางส่วนเพื่อบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเอสซีจีมีเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 97,529 ล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน โดยมีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือต่อต้ นทุนขายเท่ากับ 75วัน เท่ากับในไตรมาสก่อน(ไตรมาสที 3 ปี 2566)

คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจําปี 2566 ในอัตรา 6.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจํานวนเงิน 7,200 ล้านบาท คิดเป็น54% ของกําไรไม่รวมรายการพิเศษ ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสําหรับครึ่งปีแรกในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา3.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจํานวนเงิน 4,200 ล้านบาท กําหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่23เมษายน 2567

ณ วันที่ 31ธันวาคม 2566เอสซีจีมีสินทรัพย์รวม เท่ากับ 893,601 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2565จำนวน12,889 ล้านบาท