สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(19 มกราคม 2567)----- บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)KTC เปิดเผยว่า “กลุ่มบริษัท” สามารถทำไรสูงขึ้นโดยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2566เท่ากับ 7,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากงวดเดียวกันของปี 2565 ที่มีจำนวน 7,079 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิเฉพาะกิจการของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เท่ากับ 7,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 7,140ล้านบาท

ณ สิ้นปี 2566 เคทีซีมีมูลค่าพอร์ตรวมเท่ากับ 112,346 ล้านบาท ขยายตัว 7.8% (YoY) จากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัวโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน พอร์ตบัตรเครดิตยังคงขยายตัวได้ตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขณะที่พอร์ตสินเชื่อ KTC PROUD เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ด้านสินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ยอดสินเชื่อใหม่สำหรับปี2566 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,590 ล้านบาท เคทีซียังคงเน้นเติบโตพอร์ตควบคู่กับการคัดกรองคุณภาพภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและยอมรับได้

กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเติบโตที่ 9.4% (YoY) จากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียม ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 14.0%(YoY) มาจากค่าใช้จ่ายในการบริหารโดยหลัก ๆ เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมจ่ายจากปริมาณธุรกรรมที่ขยายตัว มูลค่ารวมผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้นจากการตั้งรองสูงขึ้น และต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นตามกำรเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน

สำหรับปี 2566 กลุ่มบริษัทมีอัตราการขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ 11.4% ด้วยพอร์ตสินเชื่อรวมที่เติบโต 7.8%โดยพอร์ตบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวที่ 7.2% และ 7.5% ตามลำดับ NPL ของงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 1.7% และ NPL CoverageRatio อยู่ที่ 476.4% สำหรับ NPL ของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 2.2% และ NPL Coverage Ratio อยู่ที่ 400.3% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แม้จะมีเปอร์เซ็นต์สูงขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับปี2565 จากพอร์ตลูกหนี้ สัญญาเช่าและตามสภาวะเศรษฐกิจที่มีความกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้