สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (18 ธันวาคม 2566)---------กองทุน B-TOP-THAIESG ปักหมุดแล้วว่าจะเปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้อีกครั้ง ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 โดยครั้งนี้ผู้สนใจลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้จากทั้งสาขาของธนาคารกรุงเทพ และช่องทางของตัวแทนขายที่ได้รับการแต่งตั้ง รวมถึงช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ และ BF Fund Trading ของ BBLAM

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ และ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (BBLAM) กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 8-15 ธันวาคมที่ผ่านมา BBLAM เปิดเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ B-TOP-THAIESG ครั้งแรก (IPO) มีนักลงทุนสนใจลงทุนรวมเม็ดเงินประมาณ 314 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปจดทะเบียนกองทุนกับสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว จะเปิดให้ผู้สนใจลงทุนซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้ง ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ โดยสามารถลงทุนผ่านทั้งช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ และ BF Fund Trading ของ BBLAM หรือลงทุนที่สาขาธนาคารกรุงเทพ และตัวแทนขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง

สำหรับการลงทุนในกองทุนนี้ผ่านช่องทางของธนาคารกรุงเทพ จะสามารถชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพได้

“ในช่วงปลายปีที่นักลงทุนหลายท่าน กำลังมองหากองทุนที่ใช้เพื่อการลดหย่อนภาษี เช่น RMF และ SSF ก็สามารถพิจารณาลงทุนในกองทุน ThaiESG ได้อีก เพราะเป็นคนละวงเงินกัน โดยกองทุน Thai ESG สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นสูงสุด 100,000 บาท ตามเงื่อนไขภาษีที่กรมสรรพากรกำหนด” นายวศิน กล่าวย้ำ

กองทุน ThaiESG กำหนดให้มีระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ และสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท อย่างไรก็ดี การตั้งกองทุน ThaiESG เป็นการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพิ่มเติม ทำให้ปีนี้ผู้ลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีก 100,000 บาท จากเดิมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) และกองทุน SSF (กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (นับรวมกองทุนกลุ่มเพื่อการเกษียณทั้งหมด เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ)