สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 7 ธันวาคม 2566)----คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส (QS Quacquarelli Symonds) ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกด้านความยั่งยืน (QS World University Rankings: Sustainability)* ประจำปี 2567
การจัดอันดับครั้งนี้ครอบคลุมมหาวิทยาลัย 1,397 แห่ง มากกว่าปีที่แล้วซึ่งเป็นการจัดอันดับครั้งแรกถึงสองเท่า และเป็นการประเมินมหาวิทยาลัยโดยพิจารณาจากผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ซึ่งผลปรากฏว่า มหาวิทยาลัยโทรอนโต ครองอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลก ตามด้วยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ในอันดับ 2 และมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ในอันดับ 3
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกด้านความยั่งยืนของคิวเอส ประจำปี 25 67 - 20 อันดับแรก
|
2567
|
|
|
1
|
มหาวิทยาลัยโทรอนโต ( University of Toronto)
|
แคนาดา
|
2
|
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ( UC Berkeley)
|
สหรัฐอเมริกา
|
3
|
มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ( The University of Manchester)
|
สหราชอาณาจักร
|
4
|
มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ( University of British Columbia)
|
แคนาดา
|
5
|
มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ( The University of Auckland)
|
นิวซีแลนด์
|
6
|
อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ( Imperial College London)
|
สหราชอาณาจักร
|
7
|
มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ( The University of Sydney)
|
ออสเตรเลีย
|
8
|
มหาวิทยาลัยลุนด์ ( Lund University)
|
สวีเดน
|
9
|
มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ( The University of Melbourne)
|
ออสเตรเลีย
|
10
|
มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ( Western University)
|
แคนาดา
|
=11
|
มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ( UNSW Sydney)
|
ออสเตรเลีย
|
=11
|
มหาวิทยาลัยอุปซอลา ( Uppsala University)
|
สวีเดน
|
13
|
มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ( McGill University)
|
แคนาดา
|
14
|
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ ( Delft University of Technology)
|
เนเธอร์แลนด์
|
=15
|
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ( MIT)
|
สหรัฐอเมริกา
|
=15
|
มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ ( The University of Edinburgh)
|
สหราชอาณาจักร
|
17
|
มหาวิทยาลัยบริสตอล ( University of Bristol)
|
สหราชอาณาจักร
|
18
|
สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก ( ETH Zurich)
|
สวิตเซอร์แลนด์
|
19
|
มหาวิทยาลัยเดอรัม ( University of Durham)
|
สหราชอาณาจักร
|
20
|
มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ( University of Glasgow)
|
สหราชอาณาจักร
|
คุณเจสสิกา เทอร์เนอร์ ( Jessica Turner) ซีอีโอของคิวเอส ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดอันดับในฐานะเครื่องมือชี้วัดความพยายามของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการจัดการกับความท้าทายที่สำคัญ พร้อมกับชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่นักศึกษาให้ความสำคัญมีการเปลี่ยนแปลงไป [1] โดย 79% ให้ความสำคัญกับแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนของสถานศึกษา และ 82% ศึกษาค้นคว้าแนวปฏิบัติเหล่านี้อย่างจริงจัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักศึกษาใส่ใจผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ข้อมูลสำคัญ
· แคนาดามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา และมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียครองอันดับสูงสุดของโลกในด้านความเท่าเทียม
· สหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เป็นผู้นำด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ขณะที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) มหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาร์เบอร์ (University of Michigan-Ann Arbor) และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) มีความเป็นเลิศด้านโอกาสและความสามารถในการทำงาน
· สหราชอาณาจักรมีความโดดเด่นด้านธรรมาภิบาลและการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยมีมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ และอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ติด 10 อันดับแรก
· มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ (อันดับ 14) เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของภาคพื้นยุโรป
· สวีเดนมีมหาวิทยาลัยลุนด์ที่โดดเด่นในด้านความเท่าเทียม การแลกเปลี่ยนความรู้ และการวิจัยสิ่งแวดล้อม
· มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) (อันดับ 22) เป็นผู้นำของเอเชีย โดยรั้งอันดับ 3 ด้านผลกระทบทางสังคม และรั้งอันดับ 5 ด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
· มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) รั้งอันดับ 1 ด้านการวิจัยสิ่งแวดล้อม
· มหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University) (อันดับ 142) ครองอันดับสูงสุดของจีน และมหาวิทยาลัยเดลี (University of Delhi) (อันดับ 220) ครองอันดับสูงสุดของอินเดีย
· มหาวิทยาลัยซิดนีย์ครองอันดับ 1 ของโลกด้านผลกระทบทางสังคม ขณะที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) ตามมาเป็นอันดับ 2
· มหาวิทยาลัยเคปทาวน์ (University of Cape Town) (อันดับ 50) เป็นผู้นำของแอฟริกาในด้านความยั่งยืน ส่วนมหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุต (American University of Beirut) เป็นผู้นำในตะวันออกกลาง และมหาวิทยาลัยเซาเปาโล (Universidade de São Paulo) (อันดับ 67) เป็นผู้นำในลาตินอเมริกา