Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

476

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook


สรุปภาพตลาดวานนี้ วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีแกว่งตัว ปิดในโหมด Sideways โดยมีแรงซื้อจาก นลท. ต่างประเทศมาชดเชยแรงขายจากในประเทศ-บล. และกลุ่มเด่น ได้แก่ เรือฯ TTA PSL PRM RCL (เล่นตามค่าระวางเรือเทกองเด้งแรง) และหุ้นใหญ่รีบาวน์ เช่น AOT SCC PTT ส่วนหุ้นกลาง-เล็กหลายตัวพบว่ากระตุกแรง อย่าง CCET TWZ XPG AJA NATION TKC SINO และสำหรับ Flow การเล่นของบอทไปเทรดกลุ่มเรือฯ เครื่องดื่ม และหุ้นกลาง-เล็ก

แนวโน้มตลาดวันนี้
What are you waiting for? Invest Now!
คงคาดกรอบสัปดาห์นี้ Sideways up 1,370-1,430 จุด
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจัยที่นักลงทุนเคยมองเป็นประเด็นถ่วงตลาดหุ้น ล้วนพลิกหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกให้กลับมาบวกได้ตลอด 2 สัปดาห์เฉลี่ย 2% แต่หุ้นไทย พลิกลบสวนทางหุ้นโลก และแม้แต่ ภูมิภาคอย่าง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ (TIPS market)

เราคงให้น้ำหนัก ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ตามภาวะการฟื้นตัวของสัญญาณที่ดีจากภาวะเศรษฐกิจในระดับมหภาค เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค...
แม้นักลงทุนส่วนใหญ่ จะยังไม่ได้เชื่อมั่นกับภาพตลาดที่เปราะบาง มีความผันผวนสูง แถมอาจมีประเด็นกดดันหุ้นรายตัวในระยะสั้น แต่เราประเมินว่าไม่น่าส่งผลต่อพื้นฐาน บจ.ระยะยาว เช่น ค่าไฟฟ้าจะได้ขึ้นหรือไม่ เราก็ใช้สมมุติฐาน DCF ที่ต่ำกว่าค่าไฟที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้, การถอดหุ้น รฟฟ.BGRIM EGCO RATCH ออกจาก MSCI Standard index ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว, เช่นเดียวกับ ประเด็น AOT (การปรับลดคาดการณ์ นทท.ของการท่าฯในสัปดาห์ก่อน) CPALL CPAXT (กังวลผัวผันคดีหมูเถื่อน)

แม้แต่ความกังวลว่า DELTA จะถูกถอดออกจาก SET50 แต่เราก็ไม่ได้มองว่าจะเป็นเรื่องลบต่อดัชนีฯ และหุ้นทั้งหมด เพราะสุดท้ายน้ำหนักที่กองทุนถ่วงหุ้น DELTA ใน SET50 ซึ่งสูงกว่าปกติทั่วไป Rule of thump เมื่อ DELTA ถูกกอดออก สุดท้ายเม็ดเงินจะต้องถูกเกลี่ยไปให้หุ้นอื่นใน SET50 เพิ่มขึ้นตามการลงทุนแบบ Passive fund นั่นเอง

กลยุทธ์การลงทุน
เลือกซื้อ หุ้นกลุ่มเด่น ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (สินค้าจำเป็น สินค้าเบ็ดเตล็ด) ที่ลงแรง (OR) รับเหมา (งานระบบ และ ก่อสร้าง) เริ่มเห็นแนวทางงานประมูลใหม่ที่ชัดเจน CK STEC ITEL ธนาคาร ที่ราคาปรับฐานเสร็จเรียบร้อย KBANK SCB อาหาร&เครื่องดื่ม (CBG OSP BTG GFPT ITC) ตามฤดูกาลขาย และผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET สู้ที่โซนรับ 1,370-1,380 จุด แต่ยังขึ้นไดไม่ไกล ถึงแม้ price pattern จะหลุดกรอบล่าง“Bearish triangle” แต่ล่าสุดดัชนีลงมาสู้ที่เส้น downtrend ลูกใหญ่! ……สัญญาณฟื้นตัวมีบ้าง แต่หากหวังขึ้นไกลๆยังคงต้องลุ้นเหนื่อย เนื่องจากโมเมนตัมวัดพลัง RSI weak! อ่อนแอ...ยังไม่สามารถตัดเส้น signal line ขึ้นไปได้ เดือนนี้จะคาดหวังจากเม็ดงินจากกองทุน TESG ได้หรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูกันสักระยะนึง ส่วนหุ้นแนะนำหลายตัวยังคงไปได้สวย เช่น TU, OR, CBG และอื่นๆ


What to watch
การประชุมกระทรวงแรงงานและคณะกรรมการไตรภาคีนอกรอบก่อนตัดสินใจเรื่อง ขึ้นค่าแรง ในการประชุมวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ก่อนนำเสนอ ครม.12 ธ.ค.นี้
CME FED watch tool คาดเฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ธค. 66 ม.ค. 67 และ มี.ค. 67 ก่อนจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5-5.25% ในเดือน พ.ค. 67
คาดหุ้นเข้า SET50 KCE ITC BCP หุ้นออก TLI INTUCH DELTA
ดีเดย์ ขายกอง T-ESG Fund 8 ธ.ค.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้ OR ฤดูกาลเพิ่มยอดขายมาถึงแล้ว กอปรกับยอดขายรถ EV ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (งาน Motor expo ขาย EV ปังมาก) หนุนยอดขายกาแฟ พื้นที่เช่า ของ ปั๊ม ปตท.ระหว่างรอชาร์ตแบต
(S 20 R 21 SL 19.5)
CPF ดูรายงานพื้นฐานวันนี้
(S 19 R 20 SL 18.5)


รายงานพื้นฐานวันนี้
Commodities
กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ค่าระวางเรือเทกองพุ่ง
ในสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบ ลดลงเล็กน้อย $0.56 WoW เป็น $82.67/บาร์เรล ลบต่อ PTTEP
ค่าการกลั่น (อิงสิงคโปร์) ขยายตัวเล็กน้อย $0.17 WoW เป็น $5.36/บาร์เรล จากกลุ่ม Gasoline และ น้ำมันเตา (บวกต่อ SPRC และ TOP)
ส่วนต่างราคา (Spread) ส่วนใหญ่ขยายตัวต่อได้ ตามต้นทุน Naphtha ที่ลดลงต่อ (บวกต่อ PTTGC มากสุด)
ราคาถ่านหินกลับมาเพิ่มขึ้น 4% WoW เป็น $127.70/ตัน จากอุปสงค์แถบเหนือช่วงฤดูหนาว (บวกต่อ BANPU)
**ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) พุ่ง 45% WoW เป็น 2,695 จุด จากทุกกลุ่ม หนุนโดยอุปสงค์การขนส่งถ่านหิน ประกอบกับอุปสงค์จากจีนเพิ่มขึ้น (บวกต่อ PSL TTA)
ส่วนค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ (World Container Index) ลดลงเพียง 0.2% WoW เป็น 1,382 จุด

Fundamental View: เชิงพื้นฐานเราชอบ PTTEP มากสุดสำหรับพลังงานต้นน้ำ, TOP มากสุดในกลุ่มโรงกลั่น และเห็นโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นกลุ่มเรือเทกอง PSL, TTA

AMC Sector
กลุ่มบริหารหนี้
เดินหน้าซื้อหนี้เพิ่ม เติมพอร์ตระยะกลาง-ยาว
รายงานกลุ่ม Asset Management (AMC) วันนี้เราจับคู่เทียบ และชอบ JMT มากกว่า BAM เนื่องจาก
1) ปริมาณหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ไทยมีมาก ทำให้ธุรกิจบริหารหนี้สามารถเลือกซื้อหนี้เสียได้ในราคาที่เหมาะสม รองรับการเติบโตในระยะกลางถึงยาว แต่ธุรกิจบริหารหนี้แบบไม่มีหลักประกันจะใช้เวลาในการเจรจาและเริ่มจัดเก็บหนี้ได้เร็วกว่าหนี้แบบมีหลักประกันมาก
2) เราประเมินว่าธุรกิจหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าหนี้ที่มีหลักประกัน เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยให้ลูกหนี้จ่ายค่างวดคล่องตัวขึ้น เพราะค่างวดรายเดือนน้อยกว่าลูกหนี้ที่มีหลักประกันมาก ขณะที่เราประเมินว่าลูกหนี้ที่มีหลักประกันจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นจนถึง 1H24
3) Valuation ของ JMT ดูน่าสนใจกว่า BAM JMT มี PER ที่ 16 เท่า ขณะที่คาด EPS growth ปี 2024-25 ที่ 19% คิดเป็น PEG ratio ที่ 0.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 1.2 เท่าอยู่มาก) ขณะที่ BAM มี PER ที่ 14 เท่า แต่เราคาด EPS growth ปี 2024-25 อยู่ที่เพียง 12% ทำให้ PEG ratio อยู่ที่ 1.1 เท่า ซึ่งเรามองว่าค่อนข้างตึงตัวแล้ว

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้