มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
.   SETขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง : แรงหนุนจากมาตรการรัฐหลังวานนี้ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ โดยเพิ่มขึ้นปีละ 10% เพื่อให้ปี 68 เงินเดือนแตะ 1.8 หมื่นบาท และอนุมัติให้สถานบริการเปิดได้ถึงตี 4 โดยจะนำร่องในพื้นที่กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และสมุย อีกทั้ง นายกฯ ได้แถลงแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ด้วยการบูรณาการทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และก.คลัง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีก โดยภาครัฐจะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าวข้างต้น คาดเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยว และการเงิน ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 2.07% ปิดที่ $76.41 ต่อบาร์เรล หลังแหล่งข่าวระบุว่าซาอุดีอาระเบียสามารถบรรลุฉันทามติกับสมาชิก OPEC+ ในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้น
สำหรับการประชุมในวันพรุ่งนี้นอกจากนี้ SET Index ยังได้แรงหนุนในเชิง Sentiment จากการแสดงความเห็นเชิงบวกของเจ้าหน้าเฟดโดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเผยว่ามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ อยู่ในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอแล้ว พร้อมกับส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดอาจจะปรับลดดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลงเข้าใกล้เป้าของเฟด สอดรับกับนายออสแทน กูลส์บี ปธ.เฟดชิคาโก ซึ่งเผยว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงในอัตราที่เร็วสุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 พร้อมกับเผยถึงความกังวลหากเฟดจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานเกินไปขณะที่วันนี้ติดตามการประชุ มกนง. ทางฝ่ายคาดจะมีมติคงดอกเบี้ยที่ 2.50% และไม่ส่งสัญญาณในเชิง Hawkishซึ่งจะเป็นอีกแรงหนุนต่อ SETIndex โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มการเงิน นอกจากนี้ ติดตามการเผยมุมมองต่อศก.ไทยของกนง. ซึ่งอาจเผยให้เห็นถึงแนวโน้มศก.ในระยะข้างหน้า

 กลยุทธ์การลงทุน : 1)Spending+ท่องเที่ยว : CBG,CPN,CRC,GLOBAL, HMPRO, SABINA, SHR, SPA 2)คาดกนง.ดอกเบี้ย : AP,KTC, MTC, SAWAD, SIRI, TIDLOR 3) พลังงาน : BCP, PTTEP, TOP และ 4) Selective : AMATA, BTG, CPF, STGT, WHA

แนวรับ-ต้าน
1,395 –1,415

ปัจจัยบวก
+ครม. เห็นชอบหลักการ 5 มาตรการ ส่งเสริมไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย อาทิ มาตรการทางด้านภาษี และ Visa Free เป็นต้น
+ กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬา เผยประเทศไทยมีจำนวนนทท.ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 26 พ.ย. 66 จำนวน 24.49 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 1.04 ล้านลบ.
+ LSEG ประมาณการว่าบริษัทจีนจะมีกำไรเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี ในปี 67 เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ผู้บริโภคและตลาดที่อยู่อาศัยที่ซบเซา
+เยอรมนี เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ -27.8 ในเดือนธ.ค. จาก -28.3 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้คนเต็มใจที่จะจับจ่ายมากขึ้นท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง แม้ว่าภาวะศก.โดยรวมจะยังซบเซาก็ตาม

ปัจจัยลบ :
- ผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย อังกฤษ และไทย ต่างก็ออกมาเตือนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของแนวโน้ มนโยบายการเงิน แม้มีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นทั่วโลกว่าอัตราดอกเบี้ยได้มาถึงจุดพีคหรือใกล้จะถึงจุดพีคแล้วก็ตาม
-นายโยอาคิม เนเกิ ล ปธ.ธนาคารบุนเดสแบงก์ เผยว่า ECB อาจจ าเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากแนวโน้มเงินเฟ้อแย่ลง และไม่ควรรีบผ่อนคลายนโยบายเร็วเกินไป
- ปธน.รัสเซีย ให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการสำหรับการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างการลงนามผ่านร่างแผนงบประมาณเป็นกฎหมาย โดยเม็ดเงินประมาณ 30% ของงบการคลังในปี 67 จะส่งตรงไปที่กองทัพ

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ - นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์