สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 พฤศจิกายน 2566)-------การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) เป็นความท้าทายสำคัญของโลก และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง โดยปัจจุบันผู้ลงทุนคาดหวังให้ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนมีการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ (responsible business) และให้ความสำคัญกับประเด็น climate change เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจและตลาดทุนเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับ CFA Institute และ สมาคม ซีเอฟเอ ไทยแลนด์ ได้สานต่อความร่วมมือโดยการจัดงานสัมมนาออนไลน์ ในหัวข้อ “Managing Climate-related Risks and Opportunities in Equity Analysis and Investment” เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในการผนวกโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ climate change ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์และบริหารจัดการลงทุน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพบทวิเคราะห์การลงทุนให้ครอบคลุมประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าหลักทรัพย์ และช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีความยืดหยุ่นต่อ climate change ส่งผลให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน พร้อมไปกับการสร้างโอกาสการได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ ยังได้มีการเน้นย้ำถึงการยึดหลักธรรมาภิบาลการลงทุนที่ดีและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อลดความเสี่ยงด้านการฟอกเขียว (greenwashing) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่น (Trust and Confidence) ในตลาดทุน โดยมีผู้เข้าร่วมงานสัมมนากว่า 300 ท่าน
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ตลาดทุนจะมีความยั่งยืนได้จำเป็นต้องมีผู้เล่นในตลาดที่มีความยั่งยืนเช่นเดียวกัน โดยในปีที่ผ่านมาผู้ลงทุนคาดหวังให้ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งรวมถึงการใช้บทบาทหน้าที่ของผู้ระดมทุน ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง และผู้บริหารจัดการลงทุน ในการช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี พ.ศ. 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 ในการนี้ ก.ล.ต. ยินดีที่ได้สานต่อความร่วมมือกับ CFA Institute และสมาคม ซีเอฟเอ ประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในการส่งเสริมความรู้ด้านการผนวกโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในการวิเคราะห์หลักทรัพย์และการบริหารจัดการลงทุน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจัดสรรเงินทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green investments) ซึ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย”
Mr. Andres Vinelli, Chief Economist, CFA Institute กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น โอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญที่ควรได้รับการผนวกในการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ในฐานะของสถาบันวิชาชีพด้านการลงทุนระดับโลก CFA Institute ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำทางความคิด และมีโปรแกรมการเรียนเพื่อส่งเสริมให้ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมมีความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งมีเครื่องมือที่ดีในการวิเคราะห์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่ดีที่สุดโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศร่วมด้วย”
นายศรชัย สุเนต์ตา นายกสมาคม ซีเอฟเอ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ประชาคมโลกกำลังเผชิญความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่ง CFA Institute และสมาคม ซีเอฟเอ ไทยแลนด์ ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคม เล็งเห็นความสำคัญของความท้าทายนี้ จึงมุ่งมั่นส่งมอบความรู้และทรัพยากรที่มีคุณภาพสูงสุดให้แก่สมาชิกของเรา รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนในวงกว้างในประเด็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศผ่านการเตรียมพร้อมทักษะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ในการบูรณาการหลักการลงทุนที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยหลักสูตรประกาศนียบัตร Climate Risk, Valuation, and Investing ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรที่นำไปประยุกต์ใช้ได้จริงและมีความครอบคลุม ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถระบุโอกาส ยกระดับการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ และสามารถจัดการกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเราเชื่อว่าการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงความจำเป็นเชิงกลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันและสามารถสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับผู้ลงทุนและสังคมได้อีกด้วย นอกจากนี้ เรายังตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัยด้าน ESG ในภูมิทัศน์การลงทุน โดยการลงทุนที่คำนึงถึงประเด็น ESG ไม่ได้เป็นเพียงกระแสเท่านั้น แต่เป็นความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาด้านการเงินไปสู่ความยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ ซึ่งหลักสูตรประกาศนียบัตร ESG Investing จะมีส่วนช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการผนวก ESG เข้ากับกระบวนการตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะทำให้สามารถสนับสนุนความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านความยั่งยืน หลักปฏิบัติเชิงจริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย โดยประกาศนียบัตรฉบับดังกล่าว สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติที่ดีของการลงทุน ESG อีกทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญด้าน ESG มากยิ่งขึ้น”