•    TOA : มีแนวโน้มเชิงบวก
คงคำแนะนำ ”ซื้อ” ตามการประเมินราคาถูก
เราเป็นกลางกับข้อมูลที่ให้ไว้ในการประชุมนักวิเคราะห์ของ TOA บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายการขายจาก 8-10% เหลือ 8% เนื่องจากความต้องการที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องในเวียดนาม แต่สังเกตว่าการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศยังคงแข็งแกร่ง ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในครึ่งแรกของ 4Q และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าน่าจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร แต่สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เราจึงคาดว่ากำไรใน 4Q จะยังคงเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากผลประกอบการ 9M เรายังคงมุมมองของเราว่ากำไรของ TOA จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้จากยอดขายในประเทศที่แข็งแกร่งและอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัว ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ ”ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นถูก

ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายลดลงเหลือ 8% สะท้อนอุปสงค์ที่อ่อนแอในเวียดนาม...
ยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 8.5% ในช่วง 9M23 ได้แรงหนุนจากยอดขายในประเทศ (+11% YoY) เนื่องจากเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัว ซึ่งช่วยชดเชยยอดขายที่ซบเซาในเวียดนาม (-26% YoY) เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ในขณะที่ TOA ยังคงสดใสตามความต้องการในประเทศไทย ความต้องการที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องในเวียดนามทำให้ผู้บริหารปรับลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในปีนี้จาก 8-10% เหลือ 8% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 9M23 เป้าหมายการเติบโตของยอดขายในปี 2024F คงเดิมที่ 8%

ผลประกอบการใน 4Q ยังคงสดใส แม้ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนค่าก็ตาม
TOA ได้ตุนสินค้าคงคลังต้นทุนต่ำสำหรับวัสดุที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตจนถึงกลาง 4Q นอกจากนี้ TOA ยังได้ล็อกราคา TiO2 ไว้จนถึงช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าน่าจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบสูงขึ้น ผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าน่าจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่กลาง 4Q ผู้บริหารจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไร EBITDA ใน 4Q จะลดลง 0.5-1% ทั้งนี้ เราประเมินกำไรหลักใน 4Q เบื้องต้นที่ 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% YoY และ 5% QoQ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TOA ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมที่ 30.00 บาท
เรายืนหยัดตามประมาณการของเราและมูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 30.00 บาท โดยอิงจาก PER ที่ 24เท่า ปี 2024F (ได้มาจาก -1 stdev ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของหุ้น) การคาดการณ์ของเราเรียกร้องให้กำไรแตะระดับสูงสุดใหม่ในปีนี้ แต่ทรงตัวในปี 2024F เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะอ่อนตัวจากต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เราสังเกตว่าประมาณการปี 2024F ของเราอิงตามการคาดการณ์ที่ระมัดระวัง เช่น ยอดขายเติบโต 5% (เทียบกับเป้าหมายผู้บริหาร 8%) และอัตรากำไรขั้นต้น 31.9% (จาก 33.3% ในปีนี้) เนื่องจากยังคงมี upside เพียงพอที่ 34% จากราคาหุ้นปัจจุบัน ทั้งนี้ เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อไป ซึ่งความเสี่ยงด้านลบ ได้แก่ ราคาวัตถุดิบและน้ำมันที่สูงขึ้น อุปสงค์ที่ต่ำกว่าคาด และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า


Market Insight
     E- mail :tiscoresearch@tisco.co.th