สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(21 พฤศจิกายน 2566)-------นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าในปีนี้ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบแย่กว่าเมื่อเทียบกับปีที่เกิดโควิด แต่เชื่อว่าหากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลมีความชัดเจนก็จะส่งเสริมตลาดหุ้นไทยได้ ขณะที่ปัจจัยนอกประเทศจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐน่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดในระยะถัดไปได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ยังต้องลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีก็ยังคงต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง จึงได้แนะนำ 3 กลุ่มกองทุน เพื่อกระจายลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้
ไม่ชอบหวีอหวา กับกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจับจังหวะในการลงทุน หรือไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก โดยแนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (KTSTPLUS-SSF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งในและ/หรือต่างประเทศ โดยเฉลี่ยตราสารที่ลงทุนอายุไม่เกิน 1 ปี และ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF2) (กองทุนระดับความเสี่ยง 4) เน้นลงทุนในพันธบัตร และ/หรือตราสารหนี้ภาครัฐและหุ้นกู้คุณภาพดี
ใช้ความนิ่ง สยบความเคลื่อนไหว กับกลุ่มกองทุนหุ้นไทย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสการลงทุนจากหุ้นไทย และเน้นการลงทุนระยะยาว แนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการออม (ชนิดเพื่อการออม) (KTESGS-SSF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET หรือ MAI ที่เป็นส่วนประกอบของ Thaipat ESG Index (TR) ด้วยกลยุทธ์ passive management และ กองทุนเปิดกรุงไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ (KTSET50RMF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50
รักการผจญภัย กับกลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง และยอมรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดเพื่อการออม (KT-VIETNAM-SSF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) และกองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดเพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-VIETNAM RMF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียน และ/หรือบริษัทที่ดําเนินธุรกิจ หรือมีรายได้หลัก และ/หรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากประเทศเวียดนาม โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV
กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-WEQ-SSF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-WEQ RMF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB Low Volatility Equity Portfolio (กองทุนหลัก) ที่มีกลยุทธ์ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความผันผวนต่ำ โดยลงทุนในหุ้นที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
และอีกกองทุนที่มีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-HEALTHCARE-SSF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 7) และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-HEALTHC RMF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 7) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Janus Henderson Global Life Sciences Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์กับการดำเนินชีวิต ซึ่งเกี่ยวกับการรักษา หรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-US RMF) (กองทุนระดับความเสี่ยง 6) ในวันที่ 22 พ.ย. 2566 นี้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดย KT-US RMF มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB American Growth Portfolio (กองทุนหลัก) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง