สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (20 พฤศจิกายน 2566)----บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 20 พ.ย. 2566 คาด SET ยังไม่ผ่านแนวต้าน 1420-1422 จุด ทำให้ทางด้านเทคนิค คาดมีโอกาสชะลอตัวสลับ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี โดยมีแนวรับ 1410 และ 1400 จุด ตามลำดับ ที่คาดเป็นจุดรองรับได้ เพื่อปรับขึ้นต่อในภาพรวม ทั้งนี้ กรณีขึ้นทะลุผ่าน 1422 จุดได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1432 จุด

ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรในสัปดาห์นี้กับ บ. เดินเรือและเรือขนส่งน้ำมันของรัสเซียที่ขายน้ำมันเกินเพดานราคาสูงสุดของกลุ่ม G7
• หลังการประชุมระหว่าง ปธน. ไบเดน และ ปธน. สี จิ้นผิง ประเมินว่า แม้บรรยากาศระหว่าง 2 ปท. ดีขึ้น แต่ก็มีความคืบหน้าเพียงแค่เล็กน้อยในความพยายามฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ปท.
• ปธน. ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว ส่งผลให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล
• คลองปานามาอาจจำกัดปริมาณเรือที่สัญจรผ่านจากภัยแล้ง คาดส่งผลต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้นทั่วโลก และส่วนต่างราคา LPG ยุโรปและเอเชียสูงขึ้นจากการขนส่งก๊าซล่าช้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
• สัญญาข้าวโพดลดลงกว่า 1.6% โดยคาดผลผลิตในบราซิลเพิ่มขึ้นหลังฝนตกพื้นที่เพาะปลูก ส่วนสัญญาข้าวสาลีต่ำสุดรอบ 3 ปี หลังรัสเซียส่งออกข้าวสาลีราคาถูกในปริมาณมากติดต่อกัน และยอดส่งออกข้าวสาลีรายสัปดาห์ของสหรัฐต่ำกว่าคาดการณ์
• กพท. ระบุ 9 สายการบินจดทะเบียนใหม่ หนุนภาพอุตสาหกรรมการบินไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง สายการบินของไทยยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง คาดสิ้นปีนี้มีจำนวนผู้โดยสาร 127 ล้านคน
• REIC ระบุความต้องการที่อยู่อาศัยมีจำนวนหน่วยและมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ทั่ว ปท. 3Q66 ลดลง 7%YoY และ 2.6%YoY ตามลำดับ จากความสามารถของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาปานกลางถึงราคาต่ำ

กลยุทธ์การลงทุน
เรามอง SET จะยังคงมีโมเมนตัมฟื้นตัวได้ต่อ เนื่องจากคาดตัวเลขการส่งออกและ GDP 3Q66 ของไทยจะออกมาฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งคาดมีความคาดหวังเชิงบวกต่อเม็ดเงินการลงทุนในกองทุน TESG ที่จะเข้ามาราว 1 หมื่นลบ. ใน ธ.ค. นี้ นอกจากนั้นตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐคาดยังแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณชะลอตัวลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

แนวรับ-ต้าน
1410/1400 – 1422/1432

ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโมเมนตัมฟื้นตัวต่อเนื่องได้ ภายใต้ Upside ที่จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG เพื่อกระตุ้นการลงทุนใน ตลท. ระยะยาว ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” (II) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก SCGP OR CPALL BEM GULF CRC HMPRO
2) หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดโมเมนตัมกำไร 4Q66 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW AOT AP
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

Daily top picks
GPSC ผลการดำเนินงาน 3Q66 ดีกว่าตลาดคาดจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ช่วงสั้นได้ sentiment หนุนจาก Bond Yield สหรัฐปรับลดลง อีกทั้งราคาก๊าซในยุโรป และราคา LNG JKM มายังเอเชียที่ลดลง อีกทั้งยังเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA”

PTTEP ช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังสหรัฐคว่ำบาตรเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซีย ขณะที่ ผบห. คาดปริมาณขายใน 4Q66 เพิ่มขึ้น 2-3%QoQ และเพิ่มอีก 10%YoY ในปี 2567 อีกทั้งเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่ได้ Rating “AAA” แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 160 บาท