BGRIM คำแนะนำ ซื้อ
ราคาปิด 23.90 บาท ราคาพื้นฐาน 35 บาท
การขยายธุรกิจต่างประเทศช่วยทอนความเสียงลง
กำไรสุทธิ 3Q23 เท่ากับ 563 ล้านบาท เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 529 ล้านบาทใน3022 แต่ลดลงจาก 2Q23 ที่มีกำไรสุทธิ 678 ส้านบาท การฟื้นตัว YoY มาจาก 1) ต้นทุนก๊ซลดลง -35%YOY, -10%QoQ เป็น 363 บาท/mmbtu ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 20% (จาก 9% ใน 3Q22 และ 18% ใน 2Q23)และ 2) ขาดทุน FX น้อยลง ส่วนการลดลง QoQ เป็นเพราะรายได้ลด, ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น และภาษีรายได้ฯมากขึ้น สำหรับ Norm profit 3Q23 เติบโต 235%YoY และ +6%QoQ เป็น 1.24 พันล้านบาท

แนวโน้ม 4Q23F อ่อนแอลง จากค่า Ft ที่ลดลงตามมาตรการลดค่าไฟฟ้ารัฐบาลใหม่ในช่วงก.ย.-ธ.ค.23 ขณะที่ตันทุนก๊าซลดลงน้อยกว่า ซึ่งจากวิเคราะห์ผลกระทบสุทธิ พบว่าจะเป็นลบกับ Norm profit ใน 4Q23 ประมาณ 450ล้านบาท

ปี 2024F จะมีการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ประกอบด้วย การลงทุนใหม่และซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใน เกาหลีใต้ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา กรีซ อิตาลี สหรัฐ อสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย ที่จะเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์แรกๆในปี 24F คือ 1) โรงไฟฟ้าไฮบริด U-Tapao เฟสที่ 1 ขนาด 58 MW, 2) โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ GIFU ในญี่ปุ่น ขนาด 20 MW และ 3) โรงไฟฟ้าลม KOPOS ในเกาหลีใต้ ขนาด 20 Mw

ผู้บริหารคาดราคาก๊าซในปี 24F จะลดลงอยู่ในช่วง 350-380 บาท/mmbtu จากปี 22-23F ที่ 476 และ 400-450บาท/mmbtu ตามลำดับ

ปี 24F รับรู้รายได้โรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 2 แห่งเต็มปี ได้แก่ โรงไฟฟ้า BGPAT2 และ BG PAT3 กำลังการผลิตรวม280 Mw ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการไปใน 4Q23F และจะมีลูกค้าอุตสาหกรรมซื้อไฟฟ้าเพิ่ม 50-60 MW (ปี 23-YTD มีลูกค้าอุตสาหกรรมซื้อไฟฟ้าเพิ่ม 42 MW)

คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 35 บาท ทั้งนี้ราคาหุ้นได้อ่อนลงมารับข่วลบเรื่องผลประกอบการที่จะอ่อนแอลงจากการที่รัฐบาลให้ลดค่า Ft ไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการปี 24F มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งจากรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าที่เปิดใหม่ ต้นทุนก๊ซลดลง และมีโอกาสซื้อกิจการเพิ่มเติม รวมถึงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าดีขึ้น โดยมี EBITDA margin 26% สูงกว่าอุตสาหกรรม

นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethb@th.dbs.com : Tel. 02 857 7833