รายได้สวนทางกับค่าใช้จ่าย ปรับประมาณการและคำแนะนำลง
กำไรสุทธิอยู่ที่ 25 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาด 12% สาเหตุหลักมาจากรายได้ อัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด ภาพรวมสินค้าคงเหลือของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูงบวกกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศจีนยังเป็นปัจจัยกดดันยอดขายในกลุ่ม Immobilizer และ Industrial IoT ขณะที่สินค้าคงเหลือยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 20% QoQ เป็น 560 ล้านบาท เราปรับประมาณการกำไรปี 2023/24F ลง 7%/13% ตามลำดับและปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 7.8 บาท (จากเดิม 9.0 บาท)

กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท (+49% YoY, -33% QoQ) ต่ำกว่าคาด
รายได้อยู่ที่ 136 ล้านบาท (-7% YoY, -21% QoQ) หรือ 4 ล้านเหรียญฯ จากอุปสงค์ที่อ่อนแอทำให้มีการชะลอการรับมอบและสั่งซื้อสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในจีน (ราว 20-30% ของยอดขาย) โดยรายได้กลุ่ม Immobilizer และ Industrial IoT ลดลงแรง 25% YoY และ 14% YoY ตามลำดับ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 47.0% จาก 55.1% ใน 3Q22 เพราะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและ Product mix ที่มีสินค้ากลุ่ม Immobilizer (GPM สูงสุด) ลดลง ในขณะที่ SG&A to sales ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 30.0% (สูงกว่าที่คาด 27.0%) จาก 24.0% ใน 3Q22 เพราะมีการ Recruit พนักงานเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการ R&D เพื่อหา IP ใหม่ๆในอนาคต

ปรับประมาณการลง 7-13% ในปี 2023-24F สะท้อนอัตรากำไรที่ต่ำกว่าคาด
จากยอดขายใน 3Q23 ที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาด Immobilizer และลูกค้าในประเทศจีนที่มีการชะลอคำสั่งซื้อเพราะสต๊อกสินค้าที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยทางฤดูกาลที่มีวันหยุดเยอะ เราจึงมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-24F ลงเป็น 149-167 ล้านบาท จาก 1)ปรับสมมติฐานยอดขายในสกุลเงินสหรัฐฯลง 3-4% 2)SG&A expense to sales ratio เพิ่มขึ้น 70-200bps

แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 7.8 บาท
เราประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2024 โดยใช้ P/E ratio ที่ 22x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ความเสี่ยงได้แก่ 1)การวิจัยและพัฒนาสินค้าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 2)ความสำเร็จของการ M&A 3)การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และ 4)อุปสงค์อ่อนแอกว่าคาด