IRPC : 3Q23F เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่ 4Q23F ค่อนข้างลำบาก

ผลประกอบการเป็นไปตามความคาดหวัง
IRPC รายงานกำไร 2.4 พันล้านบาทใน 3Q23 กลับรายการขาดทุน 2.2 พันล้านบาทใน 2Q23 และ 2.5 พันล้านบาทใน 3Q22 กำไรสอดคล้องกับประมาณการของเราที่ 2.7 พันล้านบาท และประมาณการของ consensus ที่ 2.6 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าของโอเลฟินส์ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังที่สูงกว่าคาด ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดเบื้องหลังการเติบโตของกำไรคือ กำไรจากสินค้าคงคลังจำนวน 3.9 พันล้านบาท ตรงกันข้ามกับการขาดทุนของสินค้าคงคลังใน 2Q23 และ 3Q22 ขาดทุนหลักอยู่ที่ 337 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 1.2 พันล้านบาทใน 2Q23 และ 868 ล้านบาทใน 3Q22 โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของตลาดการกลั่น

ค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุนการเติบโต ปิโตรเคมียังคงเปราะบาง
แม้ว่ากลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แต่กลุ่มปิโตรเคมียังคงเปราะบาง ในกลุ่มปิโตรเลียม IRPC รายงานของตลาดการกลั่นอยู่ที่ 8.5 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลใน 3Q23 เพิ่มขึ้นจาก 4.1 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลใน 2Q23 และ 5.3 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลใน 3Q22 ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังการปรับปรุงนี้คือ การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของค่าการกลั่น (GRM) แม้ว่าตลาดน้ำมันหล่อลื่นจะอ่อนตัวลงก็ตาม ในกลุ่มปิโตรเคมี ตลาด PTF ลดลงเพิ่มเติมจาก USD1.7/bbl ใน 2Q23 และ USD1.1/bbl ใน 3Q22 เป็นลบ USD0.6/bbl ใน 3Q23 การลดลงนี้ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการดำเนินงานโอเลฟินส์ โดยส่วนต่างของ PP มากกว่าแนฟทาลดลงทั้ง QoQ และ YoY

แนวโน้ม 4Q23F อ่อนแอลง
กำไรของ IRPC น่าจะลดลง QoQ ใน 4Q23F ในกลุ่มปิโตรเลียม ค่ามาตรฐานการกลั่นของสิงคโปร์ลดลงแล้วเป็น USD3.9/bbl ใน 4Q23F QTD ซึ่งลดลง QoQ ที่ -USD5.6/bbl ทั้งนี้ สถานการณ์ในกลุ่มปิโตรเคมียังคงเปราะบาง โดยอัตรากำไรของ PP ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับที่ต่ำกว่า QoQ นอกจากนี้ การไม่มีการเพิ่มสินค้าคงคลังอาจทำให้กำไรลดลง

คงคำแนะนำ “ถือ”
เราคงคำแนะนำ “ถือ” โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 2.60 บาท โดยอิงจาก P/B เป้าหมายกลางปี 2024 ที่ 0.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต -1SD ซึ่งความเสี่ยงด้านลบที่สำคัญ : ความผันผวนของส่วนต่างของราคาสารเคมี และการหยุดชะงักของโรงงานโดยไม่ได้วางแผนไว้ ปัจจัยเชิงบวกที่สำคัญ : การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ และการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่ดีกว่าที่คาดไว้