ค่าการกลั่นงวด 3Q23F แข็งแกร่งมาก
BCP เป็นผู้ถือหุ้น ESSO ใหญ่อันดับ 1 ที่ 76.34% หลังได้หุ้นจากการทำเทนเดอร์มา 10.36% และของเดิมที่ซื้อไปก่อนหน้า 65.99% เราคาดบริษัทมีการกู้มาทำเทนเดอร์ฯ 3.3-3.6 พันล้านบาท ทำให้ D/E ratio เพิ่มเป็น 1.1 เท่า (เดิม 0.9 เท่า) และสัดส่วนหนี้สินสุทธิ/EBITDA เพิ่มเป็น 2.1 เท่า (เดิม 1.1 เท่า) แต่เชื่อว่าบริษัทจะยังสามารถกู้เพิ่มเพื่อลงทุนตามแผนได้ เพราะ D/E ratio ยังตํ่ากว่าระดับ Covenant ที่ 2.0 เท่า
คาดกำไรสุทธิ 3Q23F ไว้ที่ 5.12 พันล้านบาท (+109% y-o-y และ +1027% q-o-q) จากค่าการกลั่นที่สูงมาก,คาดมีกำไรสต็อก 2.9 พันล้านบาท, กำไรธุรกิจการตลาดฟื้นตัว และธุรกิจโรงไฟฟ้า & ธุรกิจต้นน้ำดีขึ้นสำหรับ Norm profit คาดไว้ที่ 2.7 พันล้านบาท (-61% y-o-y, +10% q-o-q)
แนวโน้ม 4Q23F : ค่าการกลั่นอ่อนลง q-o-q เพราะหมดฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐและยุโรป, สต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีเป็นครั้งแรกในรอบปี 23 และโรงกลั่นในสหรัฐและยุโรปที่ปิดนอกแผนไปใน 3Q23 กลับมาดำเนินงานปกติ…แต่ค่าการกลั่นที่ลดลง ได้ชดเชยด้วยปริมาณผลิตที่กลับมาของโรงกลั่นศรีราชา ที่ปิดไปในช่วง 6 ก.ย.-15 ต.ค.เพื่ออัพเกรดน้ำมันดีเซลให้เป็น EURO 5 ส่วนธุรกิจต้นน้ำยังแข็งแกร่งตามราคาน้ำมัน
ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 23F-24F ขึ้น 72%/57% สะท้อนการทำงบฯรวมกับ ETL ใน 4Q23F และปี 24Fและปรับสมมติฐาน Market GRM เพิ่ม รวมถึงสะท้อนกำไรสต็อกใน 3Q23F ที่ 2.9 พันล้านบาท
คงคำแนะนำซื้อ BCP ปรับราคาพื้นฐานเป็น 49 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 0.76 เท่า (Mean 5 ปี + 0.5SD)
นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethb@th.dbs.com : Tel. 02 857 7833