Today’s NEWS FEED

News Feed

SUPEREIF เผยเสาไฟฟ้าคอนกรีตโค่นล้มจำนวน 51 ต้น แต่แผงพลังงานแสงอาทิตย์อาคารควบคุม ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์พายุลมแรงที่โครงการกาหลง 2 จังหวัดสมุทรสาคร

455


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(26 กันยายน 2566)------บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ("บริษัทจัดการ") ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ("กองทุนฯ")ได้รับแจ้งจากบริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ("บริษัทฯ")เกี่ยวกับเหตุการณ์พายุลมแรงที่โครงการโรงไฟฟ้ากาหลง 2 ("โครงการ") ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลกาหลง อำเภอเมือง
จังหวัดสมุทรสาคร โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโครงการบริษัทจัดการจึงขอสรุปรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ผู้ถือหน่วยลงทุนรับทราบดังนี้

เหตุแห่งความเสียหาย : พายุลมแรง
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ : วันที่ 20 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 16.45 น.
ผลกระทบ : เสาไฟฟ้าคอนกรีตภายในโครงการโค่นล้มจำนวน 51 ต้น

ส่งผลให้สายไฟในระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำและแรงดันปานกลาง ความยาวตลอดแนวอาคาร powerhouse 1-8 ประมาณ 1,500เมตร ซึ่งพาดผ่านอยู่บนเสาคอนกรีตดังกล่าวฉีกขาดและหักงอ ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆบริเวณเสาไฟฟ้าเกิดการแตกหักเสียหาย ทำให้โครงการไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่บัดนั้น นอกจากนี้ยังเกิดความเสียหายแก่รั้วลวดหนาม ระบบไฟส่องสว่าง ระบบสื่อสารและระบบกล้องวงจรปิดริมรั้วโครงการในบริเวณที่เสาไฟฟ้าโค่นล้ม อย่างไรก็ดี แผงพลังงานแสงอาทิตย์อาคารควบคุม และอาคาร power house ไม่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

สถานการณ์ล่าสุด : ปัจจุบันยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้เร่งสำรวจความเสียหาย และจัดหาอุปกรณ์เพื่อดำเนินการซ่อมแซมให้โครงการสามารถกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดโดยบริษัทฯ คาดว่าจะกลับมาดำเนินการเชิงพาณิชย์บางส่วนที่ขนาด 1 เมกะวัตต์ ภายในวันที่ 27 กันยายน 2566และคาดว่าจะกลับมาดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้เต็มระบบที่ขนาด 8 เมกะวัตต์ อีกครั้ง ภายใน 20-25 วันนับจากนี้ หรือภายในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ทั้งนี้บริษัทรับประกันภัยได้เข้าสำรวจความเสียหายที่โครงการเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้ ทางบริษัทฯจะมีการประสานงานร่วมกับบริษัทรับประกันภัยต่อไป

บริษัทจัดการขอเรียนว่า กองทุนฯ ได้ทำกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักสำหรับโครงการ ซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2566ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567โดยบริษัทรับประกันภัยมีเงื่อนไขจำกัดความรับผิดในกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ต่อภัยลมพายุ
ภัยแผ่นดินไหว ภัยจากลูกเห็บ และภัยจากการประท้วง การนัดหยุดงาน การจลาจล หรือการกระทำอันมีเจตนาร้ายในวงเงินร้อยละ 20 ของทุนประกันภัยของกรมธรรม์ดังกล่าว (352,940,000 บาท)หรือจำกัดความรับผิดไว้ที่จำนวนเงิน 70,588,000 บาท ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งและตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย ทั้งนี้ค่าความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินคือร้อยละ 10 หรือ ขั้นต่ำ 100,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่าสำหรับความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งอันเนื่องมาจากภัยดังกล่าว(วงเงินจำกัดความรับผิดดังกล่าวใช้ร่วมกันระหว่างกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินและกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก) ในขณะที่ทุนประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักอยู่ที่67,000,000 บาท โดยมีระยะเวลาไม่คุ้มครอง 10 วันนับจากวันแรกของการเกิดความเสียหาย

ทั้งนี้ กรณีสมมุติ โดยพิจารณากรอบระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันในปีก่อนที่ประมาณ 30 วัน ในช่วงระหว่างวันที่21 กันยายน - 20 ตุลาคม 2565 โครงการสามารถผลิตหน่วยไฟฟ้าได้รวม 870,960 หน่วย หรือเฉลี่ยวันละ 29,032หน่วย โดยในปี 2565 ทั้งปีนั้น โครงการสามารถผลิตหน่วยไฟฟ้าในส่วนที่เกิน Capacity Factor ได้รวม1,374,840 หน่วย และช่วงเวลา 8 เดือนแรกของปี 2565 และของปี 2566 พบว่าหน่วยไฟฟ้าที่โครงการผลิตได้ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่า
หน่วยไฟฟ้าที่สูญเสียไปในปี 2566 จากเหตุการณ์พายุลมแรงดังกล่าวอาจถูกบริษัทรับประกันภัยตีความว่าเป็นหน่วยไฟฟ้าในส่วนที่เกิน Capacity Factor (หากมีการผลิตจริง)ซึ่งมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าเฉลี่ยปี 2563 - 2565 อยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อหน่วยหรือคิดเป็นจำนวนเงินรายได้ที่สูญเสียไปประมาณ 2.61 ล้านบาท โดยเมื่อหักระยะเวลาไม่คุ้มครอง 10วันแรกแล้ว รายได้ที่สูญเสียไปในปี 2566 สำหรับโครงการดังกล่าวซึ่งน่าจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักได้ จะอยู่ที่ประมาณ 1.80 ล้านบาทและส่วนที่เหลืออีกประมาณ 0.81 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นส่วนที่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่ได้ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.09 ของรายได้รวมของโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 19โครงการที่คาดว่าจะได้รับในปี 2566สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าอีก 3 โครงการที่กองทุนฯ เข้าลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิที่จังหวัดสมุทรสาคร ยังคงผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติ โดยมิได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ข้างต้นแต่อย่างใดโดยหากมีความคืบหน้าที่สำคัญเพิ่มเติม บริษัทจัดการจะรายงานให้ผู้ถือหน่วยลงทุนรับทราบต่อไป

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้