สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 กันยายน 2566)--------ช่วงนี้มีแต่ปัจจัยบวก สำหรับหุ้นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า บริษัท เมคทูวิน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTW นำโดยการบริหารของ “กฤตเมธ ตั้งพิชญโพธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (DECO) ส่งสัญญาณออเดอร์ในมือรอส่งมอบกว่า 3,300 คัน แว่วว่า กำลังการผลิตใหม่เดินเครื่องแล้วในเดือนกันยายน หนุนแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/66 ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา และงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนโค้งสุดท้ายของปีไม่ต้องพูดถึง มีโอกาสทุบสถิติทำนิวไฮ ดีที่สุดของปีนี้ ขณะที่งวดครึ่งปีแรก 66 รายได้-กำไร โตชนะปี 65 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี นักลงทุนจับตา เทรนด์กระแสรถ EV กำลังมาแรง อย่ามองข้ามมอเตอร์ไซค์ EV กำลังซื้อเข้ามาไม่แพ้กัน เนื่องจากตลาดรถจักรยานยนต์เป็นตลาดที่ใหญ่มากในประเทศไทย รับรัฐบาลหนุน ทำให้บริษัทที่เป็นผู้ผลิตในไทย แถมมีตัวแทนจำหน่ายพ่วงบริการดูแลหลังการขายที่ครอบคลุม เป็นตัวเต็งที่ได้รับประโยชน์แบบสุดๆ หนุนงบดี สตอรี่ก็เด่น เรียกว่า MTW ครบเครื่อง

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ เราคงมุมมองบวกต่อกำไร 3Q66 ของ MTW โดยคาดว่าจะกลับมาทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นราว 3 เท่าตัว เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 คาดว่าจะเริ่มผลิตและส่งมอบได้เต็มที่ในเดือนกันยายน ขณะที่ปัจจุบัน Deco green energy (MTW ถือหุ้น 85%) ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI แล้ว คาดว่าจะมีผลในเดือนกันยายนเช่นกันซึ่งจะทำให้ 4Q66 เห็นผลชัดเจนเต็มไตรมาสทั้งกำลังการผลิตใหม่และอัตราภาษีที่ลดลง รวมถึง High season ของธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้า

ยอดจดทะเบียนแบรนด์ Deco รายงานจากกรมการขนส่งทางบกพบว่าเดือน ก.ค. มียอด 709 คัน มากกว่าเดือนแรกของ 1Q-2Q66 ซึ่งปกติจะมีการจดทะเบียนเดือนแรกของไตรมาสต่ำสุด และเดือนสุดท้ายของไตรมาสจะสูงสุด สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดกำไร 3Q66 อาจทำระดับสูงสุดใหม่

กำไรครึ่งปีแรก 66 คิดเป็นสัดส่วน 36% เนื่องจากกำลังการผลิตมีจำกัด โดยจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง และเรายังไม่รวมประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ไว้ในประมาณการ เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 66 ที่ 86 ลบ. (+341.9%) คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 4.50 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 66 -67 ที่เพียง 23.6 เท่า และ 17.3 เท่าตามลำดับ