Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ฟิลลิป : COCOCO แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 14.40 บ. (IPO)

345


บริษัท ไทยโคโคนัท จำกัด (มหาชน) – COCOCO
เสริมธุรกิจเครื่องดื่มเพิ่มกำไรหลายเท่าตัว
Key Point
บริษัทฯเพิ่มทุนขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวเป็นหลัก จะทำให้รายได้หลักในอนาคตเปลี่ยนจากธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม สร้างรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงกว่าเดิม วัตถุดิบหลักที่ทาจากมะพร้าวมีคู่แข่งน้อยรายหากเทียบกับความต้องการของโลก เนื่องจากไทยมีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมอาหาร เป็นบริษัทใหญ่ ผู้ส่งออกกะทิอันดับ 1 ของไทยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันจาก Economy of scale ประมาณการกำไรปี 2566 และ 2567 ไว้ที่ 601 ลบ. +58.9%y-y และ 1,076 ลบ. +79.0%y-y ตามลำดับ ราคาพื้นฐานปี 2567 ที่ 14.40 บาท/หุ้น


คาดการณ์กำไรปี 2566 และ 2567 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว
1Q66 บริษัทมีรายได้ 859 ลบ. +2.4%y-y อัตรากำไรขั้นต้น 25.2% กำไรสุทธิ 66.9 ลบ. +8.6%y-y เป็นช่วงที่กำลังซื้ออ่อนตัวตามฤดูกาลแต่ยังเติบโตได้จากกลุ่มลูกค้าในประเทศที่เป็นลูกค้าอุตสาหกรรมจากเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวเป็นหลัก คาดว่าเป็นจุดต่ำสุดของปีและจะทากำไรเติบโต q-q และ y-y ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่สามตามฤดูกาลของธุรกิจเครื่องดื่ม ด้วยปัจจุบันลูกค้าจีนมีความต้องการนาเข้าเป็นอย่างมาก
ทางฝ่ายฯคาดการณ์รายได้จากการขายในปี 2566 ที่ 5,015 ลบ. +49.1%y-y จากผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่เติบโตอย่างมากในจีน 1Q66 มีสัดส่วน 31% ของรายได้ คาดว่าสิ้นปีจะมีสัดส่วนรายได้จากน้ำมะพร้าวเป็น 42% ของรายได้ เปลี่ยนจากธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจเครื่องดื่มให้เป็นรายได้หลัก และเป็นสินค้าที่ทาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีกว่าสินค้ากะทิ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น y-y คาดอยู่ที่ 25.4% จากสัดส่วนรายได้น้ำมะพร้าวที่มากขึ้น กำไรสุทธิ 601 ลบ. +58.9%y-y
และในปี 2567 จะมีกำลังการผลิตที่มาจาก IPO เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น y-y คาดรายได้ปี 2567 ที่ 8,415 ลบ. +67.8%y-y และมีกำไรขั้นต้น 25.6% สูงขึ้นจากสัดส่วนรายได้จากน้ำมะพร้าวที่เพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปีที่ 1,076 ลบ. +79.0%y-y
ประเมินราคาพื้นฐานปี 2567 ที่ 14.40 บาท/หุ้น อิงวิธี DCF
จากการศึกษาทางฝ่ายฯเลือกใช้วิธี DCF เนื่องจากลักษณะกิจการสามารถประเมินรายได้เติบโตตามเครื่องจักรที่ลงทุนและอัตราการผลิต โดยจะใช้ค่า Beta ของหุ้น SAPPE มาอ้างอิงซึ่งประกอบธุรกิจในลักษณะเดียวกัน โดยปรับปรุงให้เป็น Leverage Beta ของ COCOCO ได้ที่ 1.03 เท่า ราคาพื้นฐานปี 2567 อยู่ที่ 14.40 บาท/หุ้น WACC 10.9% t.g. 3.6% และหากเทียบในเชิง PE ได้ 19.7 เท่า ขณะที่ Consensus ของ Forward PE ของ SAPPE ในปี 2567F ที่ 22.9 เท่า

รายละเอียดในการเสนอขายหุ้น
ทุนชำระแล้วก่อน IPO 1,100 ล้านหุ้น (550 ล้านบาท)
ทุนชำระแล้วหลัง IPO 1,470 ล้านหุ้น (735 ล้านบาท)
มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น
การเสนอขาย 370 ล้านหุ้น
ราคาเสนอขาย ยังไม่กาหนด
วันจองซื้อ ยังไม่กาหนด
ตลาดหลักทรัพย์ SET
นโยบายจ่ายปันผล นโยบายปันผล ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ จากงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักภาษีและการจัดสรรทุนสารองต่าง ๆ
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด
ผู้จัดการการจัดจำหน่าย / บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด(มหาชน) และ
และรับประกันการจำหน่าย บริษัท หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด
(มหาชน)


Investment Thesis
• ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของน้ากะทิและน้ำมะพร้าวได้รับความนิยมมากขึ้นในการบริโภคโดยชาวเอเซียที่อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเซีย
COCOCO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi รวมถึงการผลิตสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมว ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง และการรับจ้างผลิตสินค้า รวมถึงการเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทาจากพืช มีฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศใหม่ๆเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ประมาณ 90 ประเทศทั่วโลก
• ธุรกิจน้ำมะพร้าวมีคู่แข่งน้อยรายหากเทียบกับความต้องการของโลก คู่แข่งต่างประเทศเลียนแบบได้ยากจากการใช้น้ำมะพร้าวจริง ไม่มีการแต่งสี เพราะมะพร้าวเป็นสินค้าที่โด่งดังในไทยจากวัฒนรรมอาหาร และ COCOCO เป็นบริษัทที่ใหญ่ ผู้ผลิตน้ำกะทิอันดับ 1 ของไทยในปี 2565 ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศยังคงรักษาคำสั่งซื้ออย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าของตนเองขาดตลาด
• บริษัทฯขยายธุรกิจในน้ำมะพร้าว อาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารที่ทาจากพืชจะทำให้รายได้บริษัทเติบโตขึ้นและมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าสินค้าเดิมที่เป็นกะทิ เป็นการต่อยอดสร้าง S Curve ใหม่กลายเป็นธุรกิจน้าดื่มให้เป็นสัดส่วนรายได้หลัก ซึ่งในปีนี้มีการขยายตลาดน้ำมะพร้าวที่จีนมากขึ้น ด้วยความนิยมน้ำมะพร้าวในจีนที่เพิ่มขึ้นและเป็นธุรกิจในช่วงเริ่มต้นทำให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ถูกต้องตามความต้องการของตลาดในปัจจุบันทำให้บริษัทยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มส่วนใหญ่ที่ผลประกอบการอ่อนตัวในปีนี้จากสภาพเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯที่อ่อนตัว
• IPO เพื่อขยายกำลังผลิตจะช่วยให้เกิด Economy of scale มากยิ่งขึ้น ช่วยในการแข่งขันได้ในระยะยาว


ประวัติบริษัท
บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) เริ่มแรกดำเนินธุรกิจในลักษณะซื้อมาขายไป ต่อมาบริษัทฯเล็งเห็นกับแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจการผลิตและจำหน่ายน้ากะทิและสินค้าแปรรูปจากมะพร้าว ผู้บริหารจึงเริ่มดำเนินการผลิตสินค้าดังกล่าวเอง โดยมีที่ตั้งโรงงานอยู่ในจังหวัดราชบุรี มีการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เรื่อยมา คุณภาพมาตรฐานระดับสากล และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไปจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปี 2551 - เดือนตุลาคม ได้จัดตั้งบริษัทในชื่อ บริษัท ซี แอนด์ เอ อินเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ลบ. เพื่อประกอบธุรกิจในลักษณะซื้อมาขายไป (Trading Firm) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปต่างๆ รวมทั้งน้ากะทิเพื่อนาไปจำหน่ายโดยการส่งออกไปยังต่างประเทศ
ปี 2552 - เดือนกันยายน บริษัทได้เพิ่มทุนชำระแล้วจาก 1 ลบ. เป็น 5 ลบ. โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
- ในเดือนธันวาคม บริษัทได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก “บริษัท ซี แอนด์ เอ อินเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด” เป็น “บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด”
ปี 2553 - 2556 บริษัทได้เพิ่มทุนชำระแล้วจาก 5 ล้านบาท เป็น 400 ลบ. โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซื้อโรงงานและเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มเติม
ปี 2559 - เดือนมกราคม บริษัทจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 โดยมีชื่อว่า ”บริษัท ไทยโคโคนัท จำกัด (มหาชน)” และได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จาก 100 บาท/หุ้น เป็น 1 บาท/หุ้น รวมทั้งได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 400 ลบ. เป็น 550 ลบ.
-เดือนสิงหาคม ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 1 บาท/หุ้น เป็น 0.50 บาท/หุ้น
ปี 2564 - เดือนเมษายน บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมค้าซึ่งได้แก่ บริษัท จัสท์ไลค์ แอนด์ มอร์ จำกัด (“JLM”) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ด้วยทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1 ลบ. โดยบริษัทถือหุ้นทั้งสิ้นจำนวน 119,997 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 59.99 ของทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีสและเนยที่ทาจากพืช
ปี 2565 - เดือนสิงหาคม บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยซึ่งได้แก่ บริษัท ไทย แพลนท์ เบส ฟู้ด จำกัด (“TPF”) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ด้วยทุนจดทะเบียนเท่ากับ 5 ลบ. โดยบริษัทถือหุ้นทั้งสิ้นจำนวน 49,700 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.40 ของทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ การผลิตและจำหน่ายผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช
-เดือนพฤศจิกายน เข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไทย ออซัม จำกัด (TAS) จำนวน 1,176,450 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.04 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ TAS ซึ่งจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 มีทุนจดทะเบียน ณ ขณะนั้นจำนวน 120 ลบ. ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์สาหรับสัตว์เลี้ยง โดยจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปี 2566 - เดือนมีนาคม บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 550 ลบ. เป็น 735 ลบ. โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 370 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering :IPO)


อดิสรณ์ มุ่งพาลชล
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านตลาดทุน #18577
 ทศวรรณ ธรรมสุข
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
โทร. 66 2635 1700 #497


 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไม่แตกต่าง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นไทย เช้านี้ แกว่งตัว บ่ายวันนี้ ก็เช่นกัน แม้GDP ไตรมาส 1/67 ของไทยที่ออกมาวันนี้ 1.5% ...

ลุ้นกันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ วันจันทร์ คงต้องมาลุ้นหุ้นกันต่อไป หลังจาก บริษัทจดทะเบียน ประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้ออกมา ..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้