คงคำแนะนำ “ซื้อ” รถใช้ทางด่วนฟื้นตัว การเลื่อนขึ้นค่าผ่านทางผลกระทบเล็กน้อย
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TFFIF จาก 1) เราคาดผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี ระหว่างปี 2022/23-25F จากการฟื้นตัวของรถใช้ทางด่วนที่ยังมีช่องว่างในการเติบโตปัจจุบันอยู่ที่สัดส่วน 85-90% ของก่อนโควิด-19 2) ผลกระทบจากการชะลอขึ้นค่าผ่านทางเพียงเล็กน้อยในปี 2023/24F และจะเป็นปัจจัยบวกในการเติบโตในปี 2024/25F 3) หุ้นปันผลต่อเนื่องด้วย payout ratio 100% ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3%
ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทางออกไป 6 เดือน
กระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ กทพ. ชะลอการปรับอัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) และบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ที่จะต้องปรับขึ้นในวันที่ 1 ก.ย. นี้ออกไปอีก 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2024 ซึ่งหลังจากนั้นจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางฉลองรัชขึ้นมาเป็น 45-90 บาท ตามประเภทรถ และทางบูรพาวิถีปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางรถ 4 ล้อ เริ่มต้น 20-55 บาท และตามประเภทรถและระยะทาง ซึ่งจากการประเมินจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเป็นเพียงการชะลอการปรับขึ้น ซึ่งเราประเมินว่าจะส่งผลต่อรายได้ลดลงไปราว 133 ล้านบาท หรือ -6% ของประมาณการของเราเท่านั้น
ปรับลดประมาณการลงเล็กน้อย
เราปรับลดประมาณการผลประกอบการเราลงเล็กน้อย 3-6% มาที่ 1,865 ล้านบาท และ 2,043 ล้านบาท เพื่อสะท้อน 1) การปรับสมมติฐานจำนวนรถใช้ทางด่วนฉลองรัชในปัจจุบันที่ยังต่ำกว่าที่เราคาดไว้ โดยเรามีสมมติฐานรถใช้ทางด่วนปี 2022/23-24F อยู่ที่ 2.12-2.19 แสนคันต่อวัน สำหรับทางด่วนบูรพาวิถีเราคงสมมติฐานเดิมที่ 1.39-1.43 แสนคันต่อวัน 2) ปรับลดอัตราค่าผ่านทางเฉลี่ยลงตามการชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทางไป 6 เดือน
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
จากการปรับประมาณการผลประกอบการ มูลค่าที่เหมาะสมปี 2023/24F ลดลงเล็กน้อยมาที่ 9.50 บาท (จากเดิม 9.70 บาท) อิงจาก DCF (ด้วยสมมติฐาน WACC 4.48%, Rf 3.2% RPM 6.4%, Beta 0.3) ทั้งนี้ ระยะเวลากองทุน TFFIF ยังมีระยะเวลาคงเหลือ 25 ปีซึ่งจะสิ้นสุดในกันยายน 2048 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีแนวโน้มที่จะได้รับสินทรัพย์ใหม่เนื่องจากยังคงรอนโยบายจากภาครัฐ ปัจจัยเสี่ยงมาจากจำนวนรถใช้ทางด่วนที่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้