Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: DRT ปี61 ดันยอดขายพุ่ง 5% เล็งขายที่ดินพื้นที่EEC มีลุ้นบุ๊คกำไรพิเศษ

929

 
 



 
 
 
 
HotNews: DRT ปี61 ดันยอดขายพุ่ง 5%
เล็งขายที่ดินพื้นที่EEC 
มีลุ้นบุ๊คกำไรพิเศษ 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  21 กุมภาพันธ์   2561)--------   DRT วางกลยุทธ์ Full Product Full Service สร้างแต้มต่อธุรกิจ ดันเป้าปี 61 ยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ฟันธงช่องทางขายโมเดิร์นเทรด-ลูกค้าโครงการมาแรง รับเศรษฐกิจ-กำลังซื้อฟื้น  ปัจจุบันกำลังพิจารณาขายที่ดินเปล่า พื้นที่EEC  โบรกฯ คาดบุ๊คเป็นรายการพิเศษในปี 61  หนุนกำไร 262-335 ล้านบาท

บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT เปิดแผนปี 61 ดันยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% รับการขยายตัวของเศรษฐกิจ-กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัว หนุนภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างเติบโตสุดในรอบ 3 ปี ชูกลยุทธ์ Full Product Full Service กางพอร์ตสินค้าโชว์ศักยภาพด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการติดตั้งที่ครบครัน สร้างแต้มต่อขยายตลาดกวาดยอดขาย เล็งเพิ่มสัดส่วนลูกค้างานราชการและบริษัทรับสร้างบ้าน ขณะที่ช่องทางขายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่มาแรง หลังผู้ประกอบการมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง คาดทำสัดส่วนยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ของยอดขายรวมในปีนี้ พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานปี 60 ทำกำไรสุทธิ 411.61 ล้านบาท ด้านบอร์ดบริหารฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น 
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน)  DRT  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% และรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 25-27% หลังเริ่มมีสัญญาณความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ตามทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจากการดำเนินนโยบายการลงทุนของภาครัฐและการลงทุนของเอกชน ที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และช่วยสนับสนุนต่อภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี 
ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงวางแผนดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Full Product Full Service เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมด้านสินค้าที่มีความหลากหลายภายใต้แบรนด์ 'ตราเพชร' ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคาพร้อมโครงหลังคาสำเร็จรูป กลุ่มไม้สังเคราะห์และอิฐมวลเบา รวมถึงมีทีมช่างมืออาชีพพร้อมให้บริการเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขัน โดยนำผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง 'ตราเพชร' มาพัฒนาต่อยอดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รองรับแผนขยายตลาดกลุ่มลูกค้าโครงการทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทรับสร้างบ้านและลูกค้าภาคราชการที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก 
   ขณะที่ช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ในปีนี้ ประเมินว่าจะเป็นช่องทางขายที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น จากปัจจัยการขยายการลงทุนเปิดสาขาใหม่ๆ ของผู้ประกอบการที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปโดยหันมาเลือกซื้อสินค้าภายในร้านขนาดใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างให้เลือกครบครัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าแบรนด์ 'ตราเพชร' ผ่านช่องทางดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ของยอดขายรวม 
ส่วนแผนงานขยายตลาดต่างประเทศนั้น ได้วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของยอดขายรวม ตามแผนดำเนินงาน 3 ปี (2559-2561) โดยตลาดหลักยังคงเป็นกลุ่ม CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม โดยเฉพาะประเทศเมียนมานั้น DRT มีแผนรุกตลาดมากยิ่งขึ้นหลังจากที่จัดตั้งทีมงานฝ่ายขายในพื้นที่เพื่อดูแลการขายโดยตรง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีและยังมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอีกมาก 
"เราประเมินว่าตลาดวัสดุก่อสร้างปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ในภาวะทรงตัว อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้รอปัจจัยภายนอกเข้ามาสนับสนุน แต่ได้ปรับแผนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคาคอนกรีตและกลุ่มไม้สังเคราะห์จะมีอัตราการเติบโตที่ดีและช่วยผลักดันเป้าหมายของเราในปีนี้ให้ขยายตัวได้ตามแผนที่วางไว้" นายสาธิต กล่าว 
        ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,184.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.57% เทียบกับช่วงดียวกันของปีก่อนและมีกำไรสุทธิ 411.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.99% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2560 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2560) แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 6 มีนาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 หลังจากในช่วงครึ่งปีแรก DRT ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2560 ในอัตรา 0.36 บาทต่อหุ้น 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า DRT ประกาศผลประกอบการ 4Q60 ที่เด่น มีกำไรสุทธิเท่ากับ 83 ล้านบาท เติบโตได้ดีจากไตรมาสก่อน 8%QoQ และ ปีก่อน 20%YoY มากกว่าเราคาดหมายไว้เล็กน้อย 80 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากยอดขายของ DRT ในไตรมาส 4Q60 สามารถกลับมาเติบโตได้ 978 ล้านบาท (+4%QoQ, +5%YoY) จากการเติบโตของลูกค้าโมเดิร์นเทรด และ ลูกค้าโครงการที่เติบโตมากกว่าสองหลัก และ อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 28.6% เทียบกับ 25.3% ในไตรมาสก่อน และ 27.9% ในปีก่อน จากการควบคุมต้นทุนได้ดีและประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 179 ล้านบาท (+24%QoQ, +7%YoY) ภาระดอกเบี้ยจ่ายอยู่ในระดับต่ำ 3 ล้านบาท จากภาระหนี้เงินกู้ลดลงเหลือเพียง 525 ล้านบาท (-35%YoY) รวมปี 2560 มียอดขาย 4,171 ล้านบาท เติบโต 1% ดีกว่าอุตสาหกรรมรวมที่ติดลบ 5-10% และ มีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เติบโต 5% ถ้าไม่รวมกำไรจากการขายที่ดินในปี 2559 จะเติบโต 12%
ปี 2561 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดขายจะเติบโตได้มากกว่า 5% และ มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 27% โดยยังได้แรงหนุนจากการเติบโตของลูกค้าโมเดิร์นเทรด และ ลูกค้าโครงการ ที่มีการเติบโตดี ส่วนตลาดส่งออก และ ลูกค้าเอเย่นต์ในปี 2561 คาดจะมีการฟื้นตัว แนวโน้มปี 2561 เราประเมินยอดขายของ DRT เท่ากับ 4,347 ล้านบาท เติบโต 4% และ มีกำไรสุทธิ 444 ล้านบาท เติบโต 8% ทั้งนี้ DRT มีที่ดินเปล่า จำนวน 36 ไร่ ที่ บ่อวิน จังหวัดชลบุรี โดยมีต้นทุนต่ำเพียง 7 แสนบาท ปัจจุบันราคาได้พุ่งขึ้นแรงหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการที่จะสนับสนุน EEC ราคาที่บริเวณเดียวกันมีการซื้อขายขึ้นมาเป็น 8-10 ล้านบาท ปัจจุบันกำลังพิจารณาขาย และ คาดจะบันทึกเป็นรายการพิเศษในปี 2561 ช่วยเพิ่มกำไร 262-335 ล้านบาท
คำแนะนำการลงทุนDRT ประกาศจ่ายเงินปันผลกำไรครึ่งปีหลังเท่ากับ 0.18 บาท รวมเป็นปันผลจ่ายกำไรปี 2560 เท่ากับ 0.36 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลที่ดี 6.2% DRT มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมีสัดส่วนหนี้สุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.26 เท่า ทำให้ DRT ยังมีการจ่ายปันผลอัตราที่สูงได้ต่อเนื่องมากกว่า 75% ของกำไร เราประเมินราคาเป้าหมาย 6.5 บาท บนฐาน P/E 14 เท่า (Forward PE +1SD = 14x) แนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุนรับปันผล
ความเสี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินมีแนวโน้มจะถูกบังคับห้ามผลิตในอนาคต, ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น , ภาวะความต้องการของตลาดในประเทศที่อ่อนแอ , ภาระหนี้สินของเกษตรกรกระทบกำลังซื้อในต่างจังหวัด

----จบ---- 
 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้