BCH รายงานกำไรสุทธิที่ 284 ล้านบาทใน 2Q23 ลดลง 75% YoY แต่ปรับตัวดีขึ้น 12% QoQ สอดคล้องกับการประมาณการของเราและ Bloomberg consensus แม้จะมีปัจจัยทางฤดูกาลใน 2Q แต่การดำเนินงานรายไตรมาสยังคงดีขึ้น QoQ เนื่องจากการเติบโตของ IPD, OPD และ SSO ซึ่งเกินดุลจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริการที่สูงขึ้น

ประเด็นสำคัญสำหรับ 2Q23 :
• รายได้รวมลดลง 48% YoY แต่เพิ่มขึ้น 7% QoQ YoY ลดลงจากรายได้โควิดหดตัว ขณะที่เติบโต QoQ ขับเคลื่อนจากการผสมผสานของ pent-up demand การเติบโตของ IPD จากตะวันออกกลาง และกลุ่มผู้ป่วย CLMV การปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน (จาก 1,640 บาท เป็น 1,808 บาทรายหัว/ปี) และการรับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส
• รายได้จากประกันสังคมสำหรับไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 5% QoQ% การเติบโตมีสาเหตุมาจากการปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน และโครงการในความร่วมมือกับประกันสังคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา 5 โรคที่ซับซ้อนใน 1H23
• ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริการต่อรายได้เพิ่มขึ้นจาก 14.8% ใน 1Q23 เป็น 17.2% ใน 2Q23 เนื่องจากการขาดทุน FX เพิ่มขึ้นจากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ จาก 16 ล้านบาทใน 1Q23 เป็น 63 ล้านบาทใน 2Q23 BCH อยู่ในกระบวนการปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อลดผลกระทบจากค่าเสื่อมราคา LAK/THB และน่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2023
• EBITDA margin ลดลง YoY จาก 31.9% เป็น 21.7% จากประสิทธิภาพที่ลดลง QoQ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 22.3% ถูกฉุดลงจากสาขาในลาว

ภาพรวม 3Q23F : เราคาดว่า EBITDA margin จะเพิ่มขึ้น QoQ จากฤดูกาลซึ่งน่าจะมากกว่าการขาดสัญญาจากประกันสังคม (สัญญา 6 เดือน : ม.ค. - มิ.ย 2023) ดังนั้น เราน่าจะเห็นแนวโน้มขาขึ้นทั้งรายได้ และ EBITDA margin QoQ