Today’s NEWS FEED

News Feed

SCGP ยิ้มแก้มปริ!! หลังโชว์งบ Q2/66 สวยแถมรับอานิสงส์ความต้องการบรรจุภัณฑ์โตโดดเด่น รับเปิดประเทศในภูมิภาคอาเซียนและจีน

518

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (8 สิงหาคม 2566)-------บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศในภูมิภาคอาเซียนและประเทศจีน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาหารและเครื่องดื่ม การค้าระหว่างประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก เนื่องจากกำลังซื้อที่มีอย่างจำกัดของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้า ในขณะที่สถานการณ์ต้นทุนของธุรกิจโดยรวมมีการปรับตัวดีขึ้น เช่น ค่าขนส่งที่ลดลงต่อเนื่องจากอุปทานของตู้และเรือบรรจุสินค้าที่เพิ่มขึ้นและราคาต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวลดลงเนื่องจาก
ความต้องการที่ยังชะลอตัวในหลายภูมิภาค

สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 นั้น อุปสงค์มีการขยายตัวดีขึ้นสำหรับสินค้าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าอุปโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีแรงผลักดันมาจากการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่มากขึ้น การส่งออกอาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋องและผลไม้ โดยเฉพาะที่ส่งไปยังประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าจากภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะสินค้าคงทนและสินค้าไม่จำเป็น เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องแต่งกายและรองเท้า นอกจากนี้วันหยุดยาวช่วงเทศกาลก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์หดตัว โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับผลกระทบ
จากราคาส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงมาด้วย

รายได้จากการขายรวม 65,945 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปีก่อน
• รายได้จากการขายที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากปริมาณและราคาขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง ในช่วงที่อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนและตลาดส่งออกยังชะลอตัว
• รายได้จากการขายที่ลดลงจากช่วงครึ่งปีหลังของปีก่อน มาจากราคาขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อที่ลดลง EBITDA เท่ากับ 9,152 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปีก่อน และมี EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 14 กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 2,705 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปีก่อนและมีอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 4 กำไรสำหรับงวดที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากราคาขายที่ลดลง โดยเฉพาะกระดาษบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับรายได้จากการขาย
• กำไรสำหรับงวดที่เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีหลังของปีก่อน มาจากต้นทุนหลัก เช่น วัตถุดิบ ค่าขนส่งและพลังงานปรับตัวลดลง ทั้งนี้ SCGP ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพรายได้จากการขายเท่ากับ 32,216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง
ร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
• รายได้จากการขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระทบต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ทั้งจากตลาดในประเทศและส่งออก โดยเฉพาะสินค้าคงทนและสินค้าไม่จำเป็น
• รายได้จากการขายเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลงเล็กน้อย จากปริมาณการขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง โดยเป็นผลกระทบจากช่วงวันหยุดเทศกาลโดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ในขณะที่รายได้จากการขายสำหรับบรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์กับบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น EBITDA เท่ากับ 4,681 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมี EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 15 กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,485 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 5
• กำไรสำหรับงวดที่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากราคาขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษในภูมิภาคปรับตัวลดลง
• กำไรสำหรับงวดที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน มีสาเหตุจากต้นทุน เช่น วัตถุดิบ ค่าขนส่ง และพลังงานลดลงส่งผลให้ EBITDA Margin ทั้งในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและสายธุรกิจเยื่อกระดาษดีขึ้น นอกจากนี้ปริมาณขายของบรรจุภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์กระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดเช่นกัน

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล โดยในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 9 สิงหาคม 2566

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 การบริโภคในประเทศยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจอาเซียนอีกทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค และส่งผลบวกต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการบริโภคในเทศกาลช่วงปลายปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง อย่างไรก็ตามภาคการส่งออกของอาเซียนยังเผชิญกับความท้าทายโดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศปลายทางในแถบยุโรปท่ามกลางนโยบายการเงินที่เข้มงวด ภาคอุตสาหกรรมที่ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ซบเซา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าคงทนและสินค้าไม่จำเป็น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้ายานยนต์ เป็นต้น
สำหรับปัจจัยทางด้านต้นทุนคาดการณ์ว่าราคาพลังงานทั่วโลกจะยังมีโอกาสลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ในขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มอยู่ในระดับทรงตัวท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผันผวน SCGP ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรโดยการเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน (Chain Integration) และการประสานความร่วมมือของทุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ (Synergies) ผ่านการขายสินค้าหรือบริการที่
เกี่ยวเนื่องกัน (Cross-Selling) การรวมซื้อวัตถุดิบแบบรวมศูนย์ (Pool-Sourcing) และการวางแผนการผลิตสินค้า (Product Rationalization) ควบคู่ไปกับการบริหารกระแสเงินสด และงบประมาณการลงทุน (CAPEX) ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ โดยในปี 2566 บริษัทตั้งงบประมาณในการลงทุน (CAPEX) ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งเน้นการควบรวมกิจการ (Merger and Partnership: M&P) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง นอกจากนี้ SCGP ได้มีการทุ่มเทอย่างต่อเนื่องในการต่อยอดความสามารถในการวิจัยและพัฒนา และคิดค้นนวัตกรรมโซลูชันบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พร้อมทั้งยึดหลัก ESG เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจโดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำและสร้างความเป็นเลิศด้าน ESG ในการดำเนินงานของทั้งห่วงโซ่อุปทานซึ่งรวมถึงความพยายามในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานอย่างยั่งยืนอีกด้ว

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ตามผลงาน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม วันนี้ จะเล่น จะเทรดหุ้นเก็งกำไร ก็ควรเลือกหุ้น ตัวที่มีผลกำไรดีกว่าตลาดคาด เหนือกว่าตลาดหวัง .....

NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2567

NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2567

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้