ยอดขายงานโครงการแข็งแกร่ง
ยอดขาย 2Q23F เติบโตได้ดี คาดการณ์ไว้ที่ +8%YoY (มาจากปริมาณขายเพิ่ม 1-2% และปรับขึ้นราคาขาย 7%) แต่ถ้าเทียบ QoQ จะอ่อนลงราว -5% เพราะปัจจัยฤดูกาล (ไตรมาส 2 มีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์)
ยอดขายโครงการเป็นพระเอก...โดยเติบโตแข็งแกร่งเป็นเลขสองหลัก และมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 15-16% ของรายได้รวมใน 2Q23F ปัจจัยหนุน คือ โครงการต่างๆเร่งก่อสร้างเพื่อลดความเสี่ยงต้นทุนที่จะสูงขึ้นในอนาคต ส่วนยอดขายผ่านช่องทางอื่น เช่น เอเยนต์ โมเดอร์นเทรด ส่งออก ขยายตัวเป็นเลขหลักเดียว สำหรับลูกค้าโครงการหลักของบริษัทได้แก่ กลุ่มเฟรเซอร์, QH, SPALI, AP เป็นต้น
อัตรากำไรขั้นต้น 2Q23F คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 24.9% จาก 24.7% ใน 1Q23 เป็นผลจากการปรับขึ้นราคาขาย อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 90% และมาร์จิ้นอิฐมวลเบาเพิ่มขึ้นดีเป็น 30% เพราะขยับขึ้นราคาขายสะท้อนต้นทุนซีเมนต์ที่สูงขึ้น (ปัจจุบันรายได้จากอิฐมวลเบาคิดเป็น 13-15% ของรายได้รวม)
คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q23F ไว้ที่ 168 ล้านบาท ลดลง -10%YoY, -5%QoQ นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรรมวัสดุก่อสร้างโดยรวม
บริษัทเชื่อว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า +5% (เราประมาณการไว้ +8%) เพราะยอดขายโครงการที่ขยายตัวได้ดีมาก ขณะที่ลูกค้าโมเดอร์นเทรด คือ ไทวัสดุ ก็มีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง และถ้าได้รัฐบาลใหม่เข้ามาเร็ว การก่อสร้างและการลงทุนก็จะพลิกฟื้นได้ แม้ว่าไตรมาส 3 จะเป็น Low season ของธุรกิจก็ตาม (ฤดูฝน)
คงคำแนะนำถือ DRT ให้ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท (อิง P/E 12.6 เท่า ซึ่งเป็น Mean + 1SD) เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี23F อ่อนลง -8% จากมาร์จินที่แคบลง แต่จะพลิกเป็นเติบโตได้ในปี 24F คาดการณ์ปันผลปี 23F-24F ไว้ที่ 0.45, 0.52 บาท/หุ้น ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน 8.05 บาท คิดเป็น DY 5.6% และ 6.5% ต่อปี ตามลำดับ (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
ความเสี่ยงหลัก คือ ค่าพลังงานและค่าแรงงานที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้บริษัทมีต้นทุนพลังงาน 8% และต้นทุนแรงงาน 10%
ของต้นทุนการผลิตรวม
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@th.dbs.com : Tel. 02 857 7829