Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

452

Market Wrap-Up

·       SET วันที่ 18 พ.ค.66 ปิด +3.95 จุด อยู่ที่ 1,526.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,749 ลบ.ต่างชาติขาย 3,243 ลบ. สถาบันซื้อ 2,474 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 584 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,926 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น PTTGC,KTC,KTB,HANA,TOP และมียอดขายสุทธิ AOT,GULF,PTTEP,ADVANC,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 5,568 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ BDMS,GULF-R,CPALL-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 35,557 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 190,987 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,755 ลบ.

·       ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.34%, S&P500 +0.94%, Nasdaq +1.51% บวกต่อซึมซับช่าวบวกความคืบหน้าจากเจรจาเพดาหนี้ ขณะที่วอลมาร์ทรายงานกำไรดีกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.39% หลังมีความคืบหน้าการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ โดยกลุ่มหนุนดัชนีที่โดดเด่น คือ กลุ่มยานยนต์(+2.5%) และ กลุ่มเทคฯ(+2.5%)

 Market View

·       ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกขานรับผลประกอบการของหุ้นค้าปลีก อีกทั้งตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงภายในปลายสัปดาห์นี้ ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติในสัปดาห์หน้า ด้านตัวเลขเศรษฐกิจผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 242,000 ราย บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน แต่ก็อาจเป็นแรงผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับความเห็นของเจ้าหน้าที่หลายท่านที่สนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงหรือปรับขึ้น เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ ส่งผลให้ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักเพียง 10.7% ส่วนตัวเลขอื่นๆ ยอดขายบ้านมือสองเดือน เม.ย.ลดลง -3.4%MoM, -23.2%YoY สู่ระดับ 4.28 ล้านยูนิต / Conference Board เผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในเดือน เม.ย.ลดลง -0.6% บ่งชี้แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา วันนี้ติดตามถ้อยแถลงของนายพาวเวล ด้านตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวระหว่างรอประเมินเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แต่ยังถูกจำกัดจากการคุมเข้มนโยบายการเงินที่ของ ECB ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากระดับ 3.25% สู่ระดับต่ำกว่า 3.75% ตลาดหุ้นเอเชียปิดปิดบวกคลายความกังวลเรืองเพดานหนี้สหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขข้อมูลการค้าของญี่ปุ่นและการจ้างงานในออสเตรเลียออกมาต่ำกว่าคาดสำหรับดัชนี SET วานนี้ +0.26% ปริมาณการซื้อขาย 5.47 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 3,243 ลบ. สถาบันซื้อ 2,474 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 584 ลบ. แม้จะมีแรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสาร(-1.54%), ประกันฯ(-1.53%), และปิโตรเคมี(-1.26%)  แต่ภาพรวมตลาดสามารถฟื้นตัวได้ตามภูมิภาคนำโดย DELTA(+8.70%) impact ดัชนีราว +7.14 จุด ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เริ่มเห็นความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลอยู่บ้าง

Daily Strategy

·       คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,510-1,540 จุด ปัจจัยตปท.เรื่องขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ มีทิศทางบวก ส่วนในประเทศแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเซ็น MOU วันที่ 22 พ.ค.อย่างไรก็ตามภาพของ Flow ต่างชาติที่ยังขายสุทธิทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัด แนะนำซื้อ กลุ่มธนาคาร BBL, KTB, กลุ่มเครื่องดื่ม ICHI, SAPPE, HTC / การเงิน AEONTS, KTC /และ หลีกเลี่ยงกลุ่มเสี่ยงถูกกระทบจากน.รัฐสวัสดิการ ขึ้นค่าแรง ผูกขาดกลุ่มทุน

·         KTB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท) KTB รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 1 หมื่นล้านบาท +24%QoQ, +15%YoY ขึ้นทำ All time high หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวดีขึ้น โดย NIM ขยายตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการปล่อยสินเชื่อกลุ่มที่มี Loan Yield สูง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมผ่าน Digital Platform เติบโตตามฐานจำนวนผู้ใช้งาน ส่วนค่าใช้จ่าย Cost to income ratio ลดลง ทั้งนี้เราคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 3.54 หมื่นล้านบาท +5%YoY หนุนจาก NIM ที่ขยายตัวได้ดี สินเชื่อที่มี Loan Yield สูง ชดเชย Cost of Fund ที่เพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ Credit Cost ยังสามารถบริหารจัดการได้

·       SICT* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.30 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q66 อยู่ที่ 59.5 ลบ. (+96%YoY, +9%QoQ ) จากปัจจัยบวกเชิงรายได้โดยเฉพาะกลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal ID) จากการบังคับใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มแกะ/แพะในออสเตรเลีย ด้านการดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่าจะมีแรงหนุนจาก การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Industrial IoT คือ Wafer Cassette Tracking Chip รวมถึงแนวโน้มการบังคับใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศอื่นๆเพิ่มเติม โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ SICT* อยู่ที่ 167 ลบ. (+23%YoY) และ 210 ลบ.(+26%YoY) ตามลำดับ 

 

Analysts

Apichai Raomanachai          No. 002939

Nopporn Chaykaew             No. 043964

Nattawat Poosunthornsri     No. 087077

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

คุมเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเกมหุ้นภาพรวม น่าจะเป็นรูปแบบการเทรด การเล่นคุมเชิง เน้นเล่นรอบ เล่นสั้น บนปัจจัยบวกใหม่...

หุ้นใหญ่ มีแรง By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองเห็นหุ้นใหญ่หลายตัว เริ่มมีแรง มีเรี่ยวแรง กำลังวังชาอีกครั้ง เมื่อต่างชาติ เลี้ยวรถ ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้