สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14 พฤษภาคม 2566)-------บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)GRAMMY เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ ของบริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม จํานวน 1,402.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี ก่อน จํานวน 395.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.3% โดยมีรายได้จากการดําเนินงาน อยู่ที่ 1,388.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
จํานวน 391.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.2% ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ของกลุ่มธุรกิจเพลง สืบเนื่องจากการที่ภาครัฐได้ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จาก การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญที่สนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปีตลอดจนการจัดนี้ ส่งผลดีต่อธุรกิจเพลงซึ่งเป็นธุรกิจหลักให้สามารถกลับมาจัดกิจกรรมต่างๆทางการตลาด คอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัล
โดยไตรมาส 1/2566 ตั้งแต่ต้นปีจัดงานได้ จํานวน 4 งาน (5 รอบการแสดง) ส่งผล ในเชิงบวกทําให้ธุรกิจโชว์บิซและธุรกิจบริหารศิลปินเป็นตัวขับเคลื่อนที่สําคัญ ในส่วนทางด้านธุรกิจดิจิทัลมิวสิคยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
• มีกําไรขั้นต้น จํานวน 541.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 125.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.2% ในขณะที่อัตรากําไรขั้นต้น ลดลงจาก 41.7% อยู่ที่ 39.0%
• ในไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทฯ มีกําไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จํานวน 1.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก งวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 95.0 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 96.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 101.7%YoY
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ทางการเงินอื่น จํานวน 92.9 ล้านบาท จากการลงทุนในหุ้น บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ (“KISS”) หากไม่นับ รวมรายการพิเศษดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 94.6 ล้านบาท
• จากการเปลี่ยนแปลงการบัญทึกบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์ไม่มีตัวตนในปี 2565 เกี่ยวกับต้นทุนผลิตมาสเตอร์เพลง และมาสเตอร์วีดีโอ ซึ่งเดิมรับรู้เป็นต้นทุนผลิตในงบกําไรขาดทุนเปลี่ยนแปลงเป็นรับรู้ต้นทุนสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่มีอายุการใช้ประโยชน์จํากัดที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินสําหรับปีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2565 ข้อ 3 โดยเริ่มใช้ลิขสิทธิ์มาสเตอร์เพลงและมาสเตอร์วีดีโอใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ ปรับงบกําไรขาดทุนรวม งบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นรวม และงบ กระแสเงินสดรวม
สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 ย้อนหลังเพื่อแสดงให้เป็นข้อมูล เปรียบเทียบเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการบันทึกบัญชีดังกล่าว ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ข้างต้นมีผลทําให้ขาดทุนสุทธิของบริษัทฯ สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุด 31 มีนาคม 2565 ลดลงจํานวน 59 ล้าน บาท ขาดทุนต่อหุ้นลดลง 0.07 บาท