สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 พฤษภาคม 2566)--------------นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)TMI เปิดเผยว่า สําหรับผลการดําเนินงาน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีกําไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 15.04 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.50 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีกําไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 8.29 ล้านบาท

สําหรับรายได้จากการขายรวม ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 161.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.40 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 143.55 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายรวมที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้นจากปี 2565 มากกว่า 20.92 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 249.05 จึงทําให้รายได้ในไตรมาสนี้มีผลการดําเนินงานเติบโตขึ้น

สําหรับต้นทุนขายรวม ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 103.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.15 เมื่อ เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 96.04 ล้านบาท โดยต้นทุนขายรวมที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุน ขายที่มาจากส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากการผลิตไฟฟ้าเพื่อจําหน่ายเพิ่มขึ้น

สําหรับต้นทุนในการจัดจําหน่าย ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 15.68 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.19 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ แล้ว ซึ่งเท่ากับ 17.46 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนในการจัดจําหน่ายที่ลดลงเนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง

สําหรับค่าใช้จ่ายในการบริหาร ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 17.35 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 12.86 เมื่อ เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 19.91 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง เนื่องจากหนี้สงสัยจะสูญลดลง

สําหรับรายได้อื่น ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 0.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 155.17 เมื่อเปรียบเทียบ กับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 0.29 ล้านบาท ซึ่งรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกําไรจากสัญญาซื้อขาย เงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพิ่มขึ้น

สําหรับต้นทุนทางการเงิน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 7.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 103.08 เมื่อ เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 3.57 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ดอกเบี้ยจ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มขึ้น

สําหรับต้นทุนทางการเงิน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 7.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 103.08 เมื่อ เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 3.57 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ดอกเบี้ยจ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มขึ้น