กำไรสุทธิ 1Q23 เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ
OSP ประกาศกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 778 ล้านบาท (+4% YoY, +113% QoQ) มากกว่าที่เราและตลาดคาด 25% และ 43% ตามลำดับ จากการบันทึกเงินปันผลจากการถือหุ้น Unicharm และรายได้กลุ่มเครื่องดื่มและอัตรามาร์จิ้นมากกว่าที่เราคาดไว้ โดยหากไม่รายได้อื่นๆ และเงินปันผลจาก Unicharm กำไรจะอยู่ที่ประมาณ 472 ล้านบาท (-37% YoY, +40% QoQ) มากกว่าที่เราคาดไว้ 15%

รายได้รวม 1Q23 อยู่ที่ 6545 ล้านบาท (-12%YoY, +2%qoQ)
โดย 1) รายได้ 1Q23 จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานและกลุ่ม functional drink -17% YoY สาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งการตลาดที่ยังคงลดลงจากยอดขาย M-150 ที่ลดลงจากการปรับขึ้นราคา 12 บาท แม้ว่าบริษัทได้เริ่มมีสินค้า M-150 ราคา 10 บาท รสชาติน้ำผึ้งที่เริ่มวางตลาด ต.ค.22 ที่ผ่านมา (ส่วนแบ่งการตลาด 1Q23 ของกลุ่ม OSP อยู่ที่ 46.6% ลดลงจาก 47.3% QoQ) รายได้กลุ่มเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้น 7% QoQ จากยอดขายเดือนมี.ค.23 ค่อยๆ ดีขึ้นจาก ม.ค.-ก.พ 23 2) ด้านยอดขายต่างประเทศคาดเพิ่มขึ้น (สัดส่วน17% ของรายได้รวม) จากกลุ่ม CLM ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับโมเดลธุรกิจและไซด์ของ OSP ไม่ใหญ่เทียบกับขนาดตลาด 3) รายได้จาก Personal Care คงที่ YoY แต่ลดลง -21%QoQ จากช่วง low season

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากการปิดเตาหลอมโรงแก้ว 1 เตา ทำให้การใช้พลังงานและต้นทุนคงที่ลดลง ประกอบกับต้นทุน natural gas ที่ลดลงราว 15% (คิดเป็น 6% ของต้นทุน) แม้ว่าค่าไฟจะเพิ่มขึ้น 15% แต่สัดส่วนน้อยกว่าคิดเป็นประมาณ 3% ของต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นราว 100 ล้านบาท YoY จากการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q23F เราคาดจะลดลง เนื่องจากไม่มีจากการรับรู้เงินปันผล Unicharm เทียบกับ 1Q23 อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรหลักไม่รวมเงินปันผลจาก Unicharm จะเพิ่มขึ้นได้ QoQ จากช่วงฤดูร้อน และส่วนแบ่งการตลาดเริ่มดีขึ้นจากคู่แข่งกระทิงแดงที่ปรับขึ้นราคา เราคาด ผลประกอบการปีนี้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นจากการออกสินค้าราคา 10 บาท เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 26.50 บาท อ้างอิงวิธี PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ OSP ที่ 33x ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER23F อยู่ที่ 37.3X Dividend Yield 2023F อยู่ที่ 2.5% โอกาส : การขยายตลาดส่งออก

ความเสี่ยง : ต้นทุน commodities