สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 9พฤษภาคม 2566 )--- บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)SNNP เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่(“กำไรสุทธิฯ”) ในไตรมาสที่1 ปี 2566เท่ากับ 154.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่4 ปี 2565และ48.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 46.2เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1 ปี 2565การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิฯ เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้มีการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่1 ปี 2566รวม 1,420.2ล้านบาท ลดลงร้อยละ13.0เมื่อเทียบกับไตรมาสที่4 ปี 2565และเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1 ปี 2565การลดลงของยอดขายเป็นไปตามฤดูกาลการจัดจำหน่ายซึ่งจะสูงที่สุดในไตรมาสที่ 4และลดลงในไตรมาสที่ 1 หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นกลับไปสูงที่สุดในไตรมาสที่4อีกครั้งหนึ่งอย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่1 ใน ปี2565จะเห็นได้ว่ายอดขายของบริษัท มีการเติบโตขึ้นตามแผนธุรกิจที่วางไว้ซึ่งปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลสูงสุด

สำหรับสภาวะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวไปในทางทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ปี2566 มีการปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี2565 ซึ่ งส่งผลดีต่อบริษัทเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ส่งผลต่อการบริโภคในประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการฟื้นตวัของประเทศในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง(CLMV)แม้ว่าประเทศเวียดนามจะเกิดวิกฤตการณ์ตราสารหนี้ในปลายปี2565แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้บริษัทยังสามารถดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ตามแผนอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา

การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จำนวน 2 ครั้ง ของการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนมกราคมและมีนาคม (ธนาคารแห่งประเทศไทย, 2566) ที่ช่วยลดความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 1 ปี2566 ซึ่งปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบปีก่อนหน้าโดยอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2566 เท่ากับร้อยละ 2.83 เทียบกับเดือนมีนาคม 2565 เท่ากับร้อยละ5.73ลดลงร้อยละ 2.9(กระทรวงพาณิชย์, 2566)อย่างไรก็ดีการปรับขึ้นของอตัราดอกเบี้ยในวาระการประชุมครั้งต่อไปของกนง. อาจไม่เกิดขึ้นหรืออาจชะลอตัวโดยการชะลอตัวของการขึ้นอตัราดอกเบี้ยอาจส่งผลทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวทั้งนี้บริษัทได้มีมาตรการการบริหารความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว