Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: GPSC ฟันปี60 กำไรโต18% -ปี61 เปิดเกมรุกโครงการ Battery storage

1,222

 

 

 

 

 


HotNews: GPSC ฟันปี60 กำไรโต18%
-ปี61 เปิดเกมรุกโครงการ Battery storage 


 
  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 13 กุมภาพันธ์   2561)------- GPSC   ปี61 เปิดเกมรุกโครงการ Battery storage   ประเดิมทุ่มเงินลงทุน50 ล้านดอลล์ ลุยโครงการต้นแบบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออน กำลังการผลิต100 เมกะวัตต์-ชั่วโมง คาดผลิตเชิงพาณิชย์ปี62  -งบปี 60 มีกำไรโต18%  แจกปันผล 0.80 บ./หุ้น  

ดร.เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่ทิศทาง ปี 2561 บริษัทฯ ยังคงกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจที่จะมีการเติบโตในพื้นที่มาบตาพุด ทั้งในด้านปริมาณกำลังการผลิต และจำนวนลูกค้า ที่จะมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้า และไอน้ำ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC   ซึ่งกลุ่ม ปตท. มีแผนการขยายการลงทุน  และ GPSC ในฐานะเป็นแกนนำด้านพลังงานไฟฟ้าและสาธารณูปโภค มีความพร้อมที่จะลงทุนในด้านการผลิต และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) การพัฒนาโครงการ Smart Grid ร่วมกับพันธมิตร เพื่อมารองรับโครงการต่างๆ ของปตท. และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นในพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้บริษัทฯยังคงบริหารการดำเนินงานโรงไฟฟ้าด้วยการคำนึงถึงการจัดการพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไรก็ตามในส่วนของโรงไฟฟ้าศรีราชามีการซ่อมบำรุงรักษาครั้งใหญ่ในปี2561 เพื่อให้การบำรุงรักษาเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
สำหรับแผนการเติบโตของบริษัทฯมีแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรุกตามกลยุทธ์ ผู้เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่มปตท. (The Innovative Power Flagship of PTTGroup) ที่เติบโตต่อเนื่องไปพร้อมกับการขยายธุรกิจของบริษัทในกลุ่มปตท. อาทิ บริษัทไทยออยล์จำกัด(มหาชน) และบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอลจำกัด(มหาชน) ที่มีความต้องการด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับขนาดของธุรกิจที่เติบโตขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทฯมีโอกาสในการขยายธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและสาธารณูปโภคบริษัทฯจึงยังมีความสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้บริษัทฯยังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงาน(Energy Storage System Integrator ) โดยอยู่ระหว่างการวางแผนและพัฒนา เพื่อก่อสร้างโครงการต้นแบบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออนกำลังการผลิต100 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ด้วยเงินลงทุนโดยประมาณ50 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี2562
โดยก้าวแรกบริษัทฯวางแผนให้แบตเตอรี่ที่ผลิตได้ถูกนำไปใช้กับควบคู่กับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน อาทิโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งนำไปใช้ในการกักเก็บไฟฟ้าสำรองสำหรับภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนซึ่งแบตเตอรี่ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบกักเก็บพลังงานเท่านั้น
ดังนั้นในขณะเดียวกันบริษัทฯจึงเดินหน้าวางแผนและพัฒนาเพื่อเข้าสู่เป้าหมายหลักคือการเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงาน(Energy Storage System Integrator ) โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่มปตท. เช่นโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปควบคู่กับระบบกักเก็บพลังงานรวมทั้งในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(Eastern  Economic Corridor : EEC) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของแผนการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่การเป็นSystem Integratorในอนาคต
     
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2560  บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 19,917 ล้านบาท   คิดเป็นส่วนของกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,175 ล้านบาท   หรือเพิ่มคิดเป็น 18%  เมื่อเทียบกับปีเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่างๆ    ประกอบด้วย  โครงการโรงไฟฟ้า ไออาร์พีซี คลีนเพาเวอร์ ระยะที่ 2 (IRPC-CP Phase 2)  ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนพฤศจิกายน  ปี 2560 ขนาดกำลังผลิตทั้ง 2 ระยะรวม 240 เมกกะวัตต์   และโรงผลิตไฟฟ้าสาธารณูปการระยอง ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม   339 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไอน้ำได้รวม 1,340 ตันต่อชั่วโมง และผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง  ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายสาธารณูปโภคให้กับกลุ่ม ปตท. โดยปีที่ผ่านมาไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุง  ทำให้ปริมาณการรับซื้อจากกลุ่มลูกค้าสูงขึ้นกว่าปีก่อน 
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า SPP ต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น โรงไฟฟ้า บางปะอิน โคเจเนอเรชั่น 2 (BIC 2) ซึ่ง GPSC  ถือหุ้น 25% มีขนาดกำลังการผลิต 117 เมกะวัตต์  ซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน  ปี 2560 และโรงไฟฟ้า  นวนคร (NNEG) ซึ่ง GPSC เข้าถือหุ้น 30% มีกำลังการผลิต  125 เมกะวัตต์ โดยถือเป็นปีแรก ที่บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้เต็มปี
“จากผลกำไรที่สูงขึ้นในปี 2560 เป็นผลมาจากความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า และโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานให้สามารถเดินเครื่องผลิตจ่ายกระแสไฟฟ้าได้    เป็นไปตามเป้าหมายของ
แผนธุรกิจที่วางไว้ ประกอบกับบริษัทฯ มีมาตรฐานสูงในเรื่องความปลอดภัย โดยปราศจากอุบัติเหตระหว่างการปฏิบัติงาน พร้อมกับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถเดินเครื่องได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ไม่มีปัญหาเรื่องการหยุดเดินเครื่องแบบฉุกเฉิน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้า” ดร.เติมชัย กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2560 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 722 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณการจำหน่ายสาธารณูปโภคของโรงผลิตสาธารณูปการระยอง เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการรับรู้รายได้จากโครงการ  IRPC-CP ทั้ง 2 ระยะ ที่สามารถเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ได้ทั้งสองหน่วยผลิต ทำให้ บริษัทฯ รับรู้รายได้และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลประจำปี 2560   จากผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2560  ในอัตราหุ้นละ 1.25  บาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,873 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 59% ของกำไรสุทธิ แบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.2560) ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.45บาท จึงยังคงเหลือส่วนเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2560 (ก.ค.-ธ.ค.2560) ที่จะต้องจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 และสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.80 บาทต่อหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2561 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 แล้ว

ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า GPSC รายงานกำไรสุทธิ 4Q60 เท่ากับ 722 ล้านบาท (+71.5% YoY, -18.8% QoQ) สูงกว่าตลาดคาดที่เฉลี่ย 660 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ การปรับมูลค่าสินทรัพย์ของ CHPP 30 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 787 ล้านบาท (+50.5% YoY, -0.3% QoQ) ผลประกอบการเพิ่มขึ้น YoY เป็นผลโรงไฟฟ้าสาธารณูปการระยอง (CUP) มีการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้น รวมถึงผลบวกจากการปรับขึ้นค่า Ft ส่วนผลประกอบการทรงตัว QoQ แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าศรีราชาตามแผนเป็นเวลา 1 เดือน แต่ได้ชดเชยจากการ COD ของโรงไฟฟ้า IRPC-CP เฟส 2 ในเดือน พ.ย. 2560 อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 6.0% QoQ เป็น 152 ล้านบาท สำหรับ FY2560 มีกำไรสุทธิ 3,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% YoY (ใกล้เคียงคาดการณ์ของเราที่ 3,122 ล้านบาท) หนุนโดยการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า CUP
ผลประกอบการ 1Q61 คาดปรับตัวขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้า IPT กลับมาเดินเครื่องปกติจากหยุดซ่อมบำรุงใน 4Q60 ขณะที่จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า IRPC-CP เฟส 2 เต็มที่หลัง COD ในช่วงปลายปีทีผ่านมา นอกจากนั้นโรงไฟฟ้า BIC2 ที่เปิดดำเนินงานในช่วงกลางปี 2560 คาดจะเดินเครื่องได้ดีขึ้น จากการเริ่มรับไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ในช่วงต้นปี 2561
คำแนะนำการลงทุน GPSC ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H60 เท่ากับ 0.8 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 0.9% XD วันที่ 26 ก.พ. 2561 เบื้องต้นเรายังคงคำแนะนำ ถือ เราจะทำการทบทวนราคาเป้าหมายอีกครั้งหลังเข้ารับฟังข้อมูลใหม่จากผู้บริหาร โดยเฉพาะในส่วนของโครงการใหม่ที่อาจมาจากทั้ง Greenfield และ M&A รวมถึงโครงการแบตเตอรี่ ในกลุ่มโรงไฟฟ้าเราชอบ BGIRM ที่เป็นผู้ประกอบการ SPP ที่มีจุดเด่นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และโอกาสหากำลังการผลิตใหม่ๆ เพิ่มเติมในอาเซียน
ความเสี่ยงการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศและอาเซียน, ความล่าช้าของโครงการก่อสร้าง, ราคาขายไม่สอดคล้องต้นทุน, อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย)  ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า GPSC ประกาศกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 722 ล้านบาท (-53% QoQ, +72% YoY) ตามตลาดคาด ลดลง QoQ มาจากเงินปันผลที่หายไปจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น YoY จากการขยายกำลังการผลิตอีก 195 MW ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีทำได้ 3.2 พันล้านบาท (+18% YoY) ในขณะที่แนวโน้มปี 2018-19 เติบโตชะลอตัวหลังไม่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้การเติบโตจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในปี 2020 หลังโรงไฟฟ้าใหญ่ XPCL IPP (321MW) ซึ่งมีกำหนด COD 4Q19 จะรับรู้รายได้เต็มปี คงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยราคาเหมาะสมที่ 63.50 บาท ซึ่งรวมทุกโครงการตามแผนที่ประกาศออกมา ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 37x มากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 18x
    บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 722 ล้านบาท (-53% QoQ, +72% YoY) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด โดยอ่อนตัว QoQ จากรายได้ปันผลที่หายไปในไตรมาก่อนราว 150 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกำไรปกติทรงตัว QoQ แม้โรงไฟฟ้า Sriracha IPP ปิดซ่อมบำรุงตามแผน แต่ได้รับการชดเชยจากการกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งของโรงไฟฟ้า IRPC-CP 1-2 ในขณะที่รวมกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (+18% YoY) พร้อมกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ณ สิ้นปีที่ 1,530 MW เพิ่มขึ้น 392MW หรือ +26% YoY
  ประเมินผลประกอบการปี 2018-19 เติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี ชะลอตัวลง โดยในปี 2018 ไม่มีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ในขณะที่กำลังการผลิตตามแผนที่เหลืออยู่ราว 392 MW (+26%จากกำลังผลิตรวม ณ สิ้นปี 2017) จะทยอยเข้ามาในปี 2019 โดยเฉพาะโครงการใหญ่อย่าง XPCL IPP ที่มีกำลังการผลิตตามสัดส่วน 321MW แต่เนื่องจากเข้ามาในช่วง 4Q19 ทำให้ไม่สามารถสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ปี 2020 หลังทุกโครงการ COD และรับรู้รายได้เต็มปีคาดผลประกอบจะกลับมาเติบโตโดดเด่นราว 30% YoY อย่างไรก็ตามโครงการ Battery storage คาดใช้เวลาอีกอีกอย่างน้อย 3 ปีก่อนเริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญและจัดเป็น Upside ต่อประมาณการของเรา
    คงคำแนะนำ "ขาย" โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 63.50 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC = 6.1%, No terminal growth) แม้ผลประกอบการจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นมาเกินกว่าราคาเหมาะสมซึ่งรวมกำลังการผลิตตามแผนทุกโครงการและราคาหุ้นปัจจุบันเทรดอยู่ที่ Forward PER18 ที่ 37x ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 18x ส่งสัญญาณราคาหุ้นที่ค่อนข้างแพง ทั้งนี้บริษัทเตรียมจ่ายปันผลงวด 2H17 ที่ 0.8 บาทต่อหุ้น (Dividend yield 1%) XD 28/2/18 จ่ายจริง 20/4/18 

----จบ--- 
 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

คุมเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเกมหุ้นภาพรวม น่าจะเป็นรูปแบบการเทรด การเล่นคุมเชิง เน้นเล่นรอบ เล่นสั้น บนปัจจัยบวกใหม่...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้