Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: GPSC ฟันปี60 กำไรโต18% -ปี61 เปิดเกมรุกโครงการ Battery storage

1,928

 

 

 

 

 


HotNews: GPSC ฟันปี60 กำไรโต18%
-ปี61 เปิดเกมรุกโครงการ Battery storage 


 
  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 13 กุมภาพันธ์   2561)------- GPSC   ปี61 เปิดเกมรุกโครงการ Battery storage   ประเดิมทุ่มเงินลงทุน50 ล้านดอลล์ ลุยโครงการต้นแบบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออน กำลังการผลิต100 เมกะวัตต์-ชั่วโมง คาดผลิตเชิงพาณิชย์ปี62  -งบปี 60 มีกำไรโต18%  แจกปันผล 0.80 บ./หุ้น  

ดร.เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่ทิศทาง ปี 2561 บริษัทฯ ยังคงกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจที่จะมีการเติบโตในพื้นที่มาบตาพุด ทั้งในด้านปริมาณกำลังการผลิต และจำนวนลูกค้า ที่จะมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้า และไอน้ำ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC   ซึ่งกลุ่ม ปตท. มีแผนการขยายการลงทุน  และ GPSC ในฐานะเป็นแกนนำด้านพลังงานไฟฟ้าและสาธารณูปโภค มีความพร้อมที่จะลงทุนในด้านการผลิต และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) การพัฒนาโครงการ Smart Grid ร่วมกับพันธมิตร เพื่อมารองรับโครงการต่างๆ ของปตท. และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นในพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้บริษัทฯยังคงบริหารการดำเนินงานโรงไฟฟ้าด้วยการคำนึงถึงการจัดการพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไรก็ตามในส่วนของโรงไฟฟ้าศรีราชามีการซ่อมบำรุงรักษาครั้งใหญ่ในปี2561 เพื่อให้การบำรุงรักษาเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
สำหรับแผนการเติบโตของบริษัทฯมีแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรุกตามกลยุทธ์ ผู้เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่มปตท. (The Innovative Power Flagship of PTTGroup) ที่เติบโตต่อเนื่องไปพร้อมกับการขยายธุรกิจของบริษัทในกลุ่มปตท. อาทิ บริษัทไทยออยล์จำกัด(มหาชน) และบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอลจำกัด(มหาชน) ที่มีความต้องการด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับขนาดของธุรกิจที่เติบโตขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทฯมีโอกาสในการขยายธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและสาธารณูปโภคบริษัทฯจึงยังมีความสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้บริษัทฯยังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงาน(Energy Storage System Integrator ) โดยอยู่ระหว่างการวางแผนและพัฒนา เพื่อก่อสร้างโครงการต้นแบบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออนกำลังการผลิต100 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ด้วยเงินลงทุนโดยประมาณ50 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี2562
โดยก้าวแรกบริษัทฯวางแผนให้แบตเตอรี่ที่ผลิตได้ถูกนำไปใช้กับควบคู่กับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน อาทิโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งนำไปใช้ในการกักเก็บไฟฟ้าสำรองสำหรับภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนซึ่งแบตเตอรี่ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบกักเก็บพลังงานเท่านั้น
ดังนั้นในขณะเดียวกันบริษัทฯจึงเดินหน้าวางแผนและพัฒนาเพื่อเข้าสู่เป้าหมายหลักคือการเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงาน(Energy Storage System Integrator ) โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการร่วมกันกับบริษัทในกลุ่มปตท. เช่นโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปควบคู่กับระบบกักเก็บพลังงานรวมทั้งในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(Eastern  Economic Corridor : EEC) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของแผนการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่การเป็นSystem Integratorในอนาคต
     
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2560  บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 19,917 ล้านบาท   คิดเป็นส่วนของกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,175 ล้านบาท   หรือเพิ่มคิดเป็น 18%  เมื่อเทียบกับปีเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่างๆ    ประกอบด้วย  โครงการโรงไฟฟ้า ไออาร์พีซี คลีนเพาเวอร์ ระยะที่ 2 (IRPC-CP Phase 2)  ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนพฤศจิกายน  ปี 2560 ขนาดกำลังผลิตทั้ง 2 ระยะรวม 240 เมกกะวัตต์   และโรงผลิตไฟฟ้าสาธารณูปการระยอง ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม   339 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไอน้ำได้รวม 1,340 ตันต่อชั่วโมง และผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง  ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายสาธารณูปโภคให้กับกลุ่ม ปตท. โดยปีที่ผ่านมาไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุง  ทำให้ปริมาณการรับซื้อจากกลุ่มลูกค้าสูงขึ้นกว่าปีก่อน 
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า SPP ต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น โรงไฟฟ้า บางปะอิน โคเจเนอเรชั่น 2 (BIC 2) ซึ่ง GPSC  ถือหุ้น 25% มีขนาดกำลังการผลิต 117 เมกะวัตต์  ซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน  ปี 2560 และโรงไฟฟ้า  นวนคร (NNEG) ซึ่ง GPSC เข้าถือหุ้น 30% มีกำลังการผลิต  125 เมกะวัตต์ โดยถือเป็นปีแรก ที่บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้เต็มปี
“จากผลกำไรที่สูงขึ้นในปี 2560 เป็นผลมาจากความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า และโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานให้สามารถเดินเครื่องผลิตจ่ายกระแสไฟฟ้าได้    เป็นไปตามเป้าหมายของ
แผนธุรกิจที่วางไว้ ประกอบกับบริษัทฯ มีมาตรฐานสูงในเรื่องความปลอดภัย โดยปราศจากอุบัติเหตระหว่างการปฏิบัติงาน พร้อมกับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถเดินเครื่องได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ไม่มีปัญหาเรื่องการหยุดเดินเครื่องแบบฉุกเฉิน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้า” ดร.เติมชัย กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2560 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 722 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณการจำหน่ายสาธารณูปโภคของโรงผลิตสาธารณูปการระยอง เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการรับรู้รายได้จากโครงการ  IRPC-CP ทั้ง 2 ระยะ ที่สามารถเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ได้ทั้งสองหน่วยผลิต ทำให้ บริษัทฯ รับรู้รายได้และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลประจำปี 2560   จากผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2560  ในอัตราหุ้นละ 1.25  บาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,873 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 59% ของกำไรสุทธิ แบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.2560) ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.45บาท จึงยังคงเหลือส่วนเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2560 (ก.ค.-ธ.ค.2560) ที่จะต้องจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 และสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.80 บาทต่อหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2561 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 แล้ว

ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า GPSC รายงานกำไรสุทธิ 4Q60 เท่ากับ 722 ล้านบาท (+71.5% YoY, -18.8% QoQ) สูงกว่าตลาดคาดที่เฉลี่ย 660 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ การปรับมูลค่าสินทรัพย์ของ CHPP 30 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 787 ล้านบาท (+50.5% YoY, -0.3% QoQ) ผลประกอบการเพิ่มขึ้น YoY เป็นผลโรงไฟฟ้าสาธารณูปการระยอง (CUP) มีการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้น รวมถึงผลบวกจากการปรับขึ้นค่า Ft ส่วนผลประกอบการทรงตัว QoQ แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าศรีราชาตามแผนเป็นเวลา 1 เดือน แต่ได้ชดเชยจากการ COD ของโรงไฟฟ้า IRPC-CP เฟส 2 ในเดือน พ.ย. 2560 อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 6.0% QoQ เป็น 152 ล้านบาท สำหรับ FY2560 มีกำไรสุทธิ 3,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% YoY (ใกล้เคียงคาดการณ์ของเราที่ 3,122 ล้านบาท) หนุนโดยการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า CUP
ผลประกอบการ 1Q61 คาดปรับตัวขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้า IPT กลับมาเดินเครื่องปกติจากหยุดซ่อมบำรุงใน 4Q60 ขณะที่จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า IRPC-CP เฟส 2 เต็มที่หลัง COD ในช่วงปลายปีทีผ่านมา นอกจากนั้นโรงไฟฟ้า BIC2 ที่เปิดดำเนินงานในช่วงกลางปี 2560 คาดจะเดินเครื่องได้ดีขึ้น จากการเริ่มรับไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ในช่วงต้นปี 2561
คำแนะนำการลงทุน GPSC ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H60 เท่ากับ 0.8 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 0.9% XD วันที่ 26 ก.พ. 2561 เบื้องต้นเรายังคงคำแนะนำ ถือ เราจะทำการทบทวนราคาเป้าหมายอีกครั้งหลังเข้ารับฟังข้อมูลใหม่จากผู้บริหาร โดยเฉพาะในส่วนของโครงการใหม่ที่อาจมาจากทั้ง Greenfield และ M&A รวมถึงโครงการแบตเตอรี่ ในกลุ่มโรงไฟฟ้าเราชอบ BGIRM ที่เป็นผู้ประกอบการ SPP ที่มีจุดเด่นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และโอกาสหากำลังการผลิตใหม่ๆ เพิ่มเติมในอาเซียน
ความเสี่ยงการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศและอาเซียน, ความล่าช้าของโครงการก่อสร้าง, ราคาขายไม่สอดคล้องต้นทุน, อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย)  ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า GPSC ประกาศกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 722 ล้านบาท (-53% QoQ, +72% YoY) ตามตลาดคาด ลดลง QoQ มาจากเงินปันผลที่หายไปจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น YoY จากการขยายกำลังการผลิตอีก 195 MW ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีทำได้ 3.2 พันล้านบาท (+18% YoY) ในขณะที่แนวโน้มปี 2018-19 เติบโตชะลอตัวหลังไม่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้การเติบโตจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในปี 2020 หลังโรงไฟฟ้าใหญ่ XPCL IPP (321MW) ซึ่งมีกำหนด COD 4Q19 จะรับรู้รายได้เต็มปี คงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยราคาเหมาะสมที่ 63.50 บาท ซึ่งรวมทุกโครงการตามแผนที่ประกาศออกมา ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 37x มากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 18x
    บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 722 ล้านบาท (-53% QoQ, +72% YoY) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด โดยอ่อนตัว QoQ จากรายได้ปันผลที่หายไปในไตรมาก่อนราว 150 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกำไรปกติทรงตัว QoQ แม้โรงไฟฟ้า Sriracha IPP ปิดซ่อมบำรุงตามแผน แต่ได้รับการชดเชยจากการกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งของโรงไฟฟ้า IRPC-CP 1-2 ในขณะที่รวมกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (+18% YoY) พร้อมกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ณ สิ้นปีที่ 1,530 MW เพิ่มขึ้น 392MW หรือ +26% YoY
  ประเมินผลประกอบการปี 2018-19 เติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี ชะลอตัวลง โดยในปี 2018 ไม่มีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ในขณะที่กำลังการผลิตตามแผนที่เหลืออยู่ราว 392 MW (+26%จากกำลังผลิตรวม ณ สิ้นปี 2017) จะทยอยเข้ามาในปี 2019 โดยเฉพาะโครงการใหญ่อย่าง XPCL IPP ที่มีกำลังการผลิตตามสัดส่วน 321MW แต่เนื่องจากเข้ามาในช่วง 4Q19 ทำให้ไม่สามารถสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ปี 2020 หลังทุกโครงการ COD และรับรู้รายได้เต็มปีคาดผลประกอบจะกลับมาเติบโตโดดเด่นราว 30% YoY อย่างไรก็ตามโครงการ Battery storage คาดใช้เวลาอีกอีกอย่างน้อย 3 ปีก่อนเริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญและจัดเป็น Upside ต่อประมาณการของเรา
    คงคำแนะนำ "ขาย" โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 63.50 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC = 6.1%, No terminal growth) แม้ผลประกอบการจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นมาเกินกว่าราคาเหมาะสมซึ่งรวมกำลังการผลิตตามแผนทุกโครงการและราคาหุ้นปัจจุบันเทรดอยู่ที่ Forward PER18 ที่ 37x ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 18x ส่งสัญญาณราคาหุ้นที่ค่อนข้างแพง ทั้งนี้บริษัทเตรียมจ่ายปันผลงวด 2H17 ที่ 0.8 บาทต่อหุ้น (Dividend yield 1%) XD 28/2/18 จ่ายจริง 20/4/18 

----จบ--- 
 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ลุ้น หวยออก By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ลุ้น หวยออก ระหว่างรอ ครม. ระหว่างรอผลประชุม เฟด เงินบาทแข็งค่า.....

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

มัลติมีเดีย

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้