WHA คำแนะนำ: ถือ
ราคาปิด 4.26 บาท ราคาพื้นฐาน 4.36 บาท (เดิม 3.88 บาท)
มีแนวโน้มกำไรปีนี้จะปรับลง

• ราคาหุ้น outperform SET เพราะคาดจะขายพื้นที่นิคมฯให้กับค่ายรถ EV เหมือนปี65 ที่ขายให้BYD ได้มาก

• ยังต้องติดตามกันต่อไป แต่คาดว่าข่าวลบคือกำไร 1Q66F และตลอดปี 66F มีโอกาสลดลง จากปัจจัยลบต่างๆ

• แม้ได้ปรับประมาณการให้เพิ่มขึน้ แต่เนื่องจากปีฐานกำไรปี65 สูงมาก จึงคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 11%y-o-y

• แนะนำเพียงถือ ราคาพื้นฐานใหม่เพิ่มเป็น 4.36 บาท มีส่วนเพิ่มน้อย คาดราคาหุ้นรับข่าวดีไประดับหนึ่งแล้วสิ่งที่ต้องติดตามคือ ปีนี้จะมีตัวเร่งขายนิคได้มากเหมือนปี65 หรือไม่ ราคาหุ้น outperform SET ต้นปีถึงปัจจุบัน(YTD) เพิ่มขึ้น 4.4% แต่ SET -3.7% เพราะคาดจะขายพื้นที่นิคมฯให้กับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เหมือนปี65 ที่ขายให้BYD ได้มาก หรือจะมีบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์(Parts) ที่จะมาซื้อนิคมฯของ WHA เพิ่มเพื่อจำหน่าย Parts ให้กับ BYD
ทางบริษัทคาดว่าจะทราบผลราวครึ่งหลังปีนี้ ทั้งนี้ในปี 65 บริษัทขายนิคมฯได้ถึง 1,899 ไร่ เป็น 3.5 เท่าจากปี 64 ที่ขายได้เพียง 550 ไร่ เนื่องจากส่วนหนึ่งคือ BYD มาซื้อที่ดินนิคมฯผืนใหญ่ถึง 600 ไร่และสามารถโอนได้ในปีเดียวกันมากถึงราว83% จากที่ซื้อเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พัฒนาสาธารณูปโภคไปมากแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดเรื่องนี้ซ้ำอีกในปี 66 ก็ยังมีความไม่แน่นอนเช่นกัน

บริษัทตั้งเป้าขายนิคมฯปีนี้น้อยกว่าปี65 โดยตั้งเป้าขายไว้ที่ 1,750 ไร่ น้อยกว่าปี 65 ที่ขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,899 ไร่อยู่ 7.8% แต่ในสมมุติฐาน เราให้ปีนี้ขายได้น้อยกว่าเป็น 1,500 ไร่ไว้ก่อน ทั้งนี้ยอดขายรอโอน (Backlog) ณสิ้นปี 65 เป็น 468 ไร่ น้อยกว่าสิ้นปี 64 ที่ 548 ไร่อยู่ 14.6% แต่ข้อดีคือ มียอดผู้สนใจซื้อที่ดินทำ LOI/MOU ไว้สูงที่ 899 ไร่แบ่งเป็นไทยที่ 469 ไร่ และเวียดนามที่430 ไร่ ทั้งนี้ Backlog สิ้นปี 65 จะหล่อเลี้ยงมาเป็นรายได้ราว 2 ไตรมาสแรกของปี 66F หรือ 1H66F เท่านั้น สำหรับรายได้ใน 2H66F จะมาจากการขายใหม่ ซึ่งเราเห็นว่ามีโอกาสน้อยที่จะโอนได้มากเหมือนกับปี 65 ที่งวด 4Q65 มีการโอนที่ดินให้ BYD ได้สูงมากถึง 500 ไร่

คาดว่ากำไรสุทธิในงวด 1Q66F จะลดลงมากเทยีบกับทั้ง y-o-y และ q-o-q สาเหตุที่จะลดลงเทียบกับ y-o-y คือ 1)ฐานปีที่แล้ว 1Q65 มีกำไรจากการขาย Data Center ไป 2 แห่ง ได้กำไรมากถึง 345 ล้านบาท แต่ 1Q66F ไม่มี 2) คาดรายได้จากค่าเช่าจากโลจิสติกส์ 1Q66F คาดว่าจะลดลง y-o-y เนื่องจากงวด 4Q65 ที่ผ่านมาขายสินทรัพย์ไปยังกองรีทส์จำนวนมาก พื้นที่ส่วนที่เหลือที่ให้ค่าเช่าจะลดน้อยลงไปมาก และ 3) โรงไฟฟ้า Gheco-One มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนไปถึง 30-40 วัน ทำให้รายได้หายไป จึงฉุดกำไรตามส่วนได้เสียให้ต่ำลง ด้านกำไรที่คาดว่าจะลดลงเทียบ q-o-qเพราะปกติจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ในช่วง 4Q ของทุกปี แต่ 1Q ยังไม่มีนั่นเองมูลค่าการขายสินทรัพย์เข้า REIT ปีนี้จะลดต่ำลง บริษัทให้แนวทางว่าปีนี้จะขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT เพียงแห่งเดียวคือ WHART จำนวน 140,000 ตรม. มูลค่าที่3.2-3.3 พันล้านบาท ลดลงเทียบกับปี65F ที่ขายเข้า2 กอง REIT คือWHART และ WHAIR จำนวน 208,000 ตรม. มูลค่าที่5.4 พันล้านบาท อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นก็มีโอกาสจะปรับลงด้วยเพราะปกติการขายสินทรัพย์เข้า WHART จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพียงราว 30% แต่ถ้าขายเข้า WHAIR จะสูงกว่าที่ราว40%

คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 11% y-o-y แม้ได้ปรับประมาณการก าไรปี 66F ให้สูงขึ้นถึง 12% ส าหรับรายการที่มีสมมุติฐานดีขึ้นคือ อัตรากำไรขั้นต้นการขายนิคมฯให้สูงขึ้น และอัตราภาษีเงินได้ให้ลดลง แต่ก็ให้ดอกเบี้ยจ่ายปรับเพิ่มตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในไทยที่มากขึ้น แต่หากเปรียบเทียบกับฐานกำไรปี65 ที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิก็ยังลดลงถึง 11% y-o-y ซึ่งนอกจากรายได้ขายสินทรัพย์ปีนี้จะลดลงแล้ว คาดว่ารายได้นิคมฯปีนี้จะลดลง 19% y-o-y นั่นคือ คาดว่าปีนี้จะโอนที่ดินเพียง 1,650 ไร่ เทียบกับปี 65 ที่ 1,900 ไร่

แนะนำเพียงถือ ราคาพื้นฐานใหม่เพิ่มเป็น 4.36 บาท ตามการปรับประมาณการให้สูงขึ้น และประเมินด้วยค่าเฉลี่ย P/Eปี 66F ที่ระดับ 18.0 เท่า ถือว่าราคาปิดมีส่วนเพิ่มน้อยที่ 2.3% เทียบกับราคาพื้นฐาน จึงคาดว่าราคาหุ้นได้ตอบรับข่าวดีไประดับหนึ่งแล้ว หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน เราเห็นว่าควรจะให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาก่อน

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com : Tel. 02 857 7835