BEM (BUY, TP11.10) เราประเมินผลกระทบต่อ BEM จากคำพิพากษาใน 2 แนวทาง แนวทาง 1: ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เรามองเป็น Positive sentiment ต่อ BEM เนื่องจากคำพิพากษาไม่ทำให้ผลการประมูล รฟฟ.สายสีส้มที่ BEM เป็นผู้ชนะเปลี่ยนแปลง และทำให้คดีที่ยังรอคำพิพากษาของศาลฯ เหลืออีกแค่ 2 คดี ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. อีกครั้ง ทั้งนี้ คดีที่ยังอยู่ในศาลฯ ได้แก่ (1) คดี BTSC ฟ้องศาลอาญาการแก้ RFP และยกเลิกการคัดเลือกฯ โดยทุจริต – BTSC อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ และ (2) คดี BTSC ฟ้องการคัดเลือกเอกชนฯ ครั้งใหม่ไม่ชอบเพราะ RFP กีดกัน BTSC – อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ โดยศาลฯ ไม่รับคำร้องขอทุเลาฯ ของ BTSC

แนวทาง 2: ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เรามองเป็น Negative sentiment ต่อ BEM เนื่องจากคำพิพากษาอาจทำให้ต้องมีการทบทวนกระบวนการคัดเลือกโครงการ รฟฟ.สายสีส้มใหม่ เพราะกลายเป็นว่าการคัดเลือกครั้งที่ 1 ยังมีผลบังคับ ในขณะที่การคัดเลือกครั้งที่ 2 ได้ผู้ชนะแล้ว เราคงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย 11.10* บาท (* รวมมูลค่าเพิ่มจาก รฟฟ.สายสีส้มแล้ว) ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นต่อเนื่องหลัง COVID-19 คลี่คลาย และได้ประโยชน์จากการเปิดให้บริการ รฟฟ.สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเต็มที่ คาดกำไรสุทธิปี 23F-24F โต +43% y-y และ +30% y-y ตามลำดับ และยังมีลุ้น Positive sentiment จากการลงนามสัญญา รฟฟ.สายสีส้มหลังคดีต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ในศาลฯ เป็นที่สิ้นสุด (ดู Fig1 สรุปคดี รฟฟ.สายสสีส้ม หน้า 2 เพิ่มเติม) นอกจากนี้ ยังมี Upside จากโครงการ Double Deck อาจช่วยขยายอายุสัมปทานทางด่วน เบื้องต้นเราประเมินภายใต้สมมติฐาน BEM ได้ขยายอายุสัมปทานทางด่วนออกไปอีก 10 ปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่มต่อหุ้นที่ 0.94 บาท นอกจากนี้ แม้กรณี Worst case เราถอดมูลค่าเพิ่มจากโครงการ รฟฟ.สายสีส้มออก ราคาเหมาะสมหุ้น BEM (หลังถอดมูลค่าเพิ่ม รฟฟ.สายสีส้มออก) จะอยู่ที่ 9.75 บาท ยังสูงกว่าราคาปิดวานนี้ +11%