Market Wrap-Up

• SET วันที่ 29 มี.ค.66 ปิด +3.61 จุด อยู่ที่ 1,610.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,496 ลบ.ต่างชาติขาย 13 ลบ.สถาบันซื้อ 662 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 197 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 10 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น DELTA,BH,TRUE,SCB,PTT และมียอดขายสุทธิ BBL,KBANK,CPALL,PTTEP,MINT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 5,206 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ BANPU,LANNA,PTT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,818 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 147,053 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,748 ลบ.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.00%, S&P500 +1.42%, Nasdaq +1.79% กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ +3.3% หลัง Micron Tech เผยแนวโน้มกำไรปีนี้เติบโตจากธุรกิจ AI ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับขึ้น หลังเฟดเสนอควบคุมธนาคารมีสินทรัพย์มากกว่า 1 แสน ล.ดอลลาร์ในเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้น ส่วนรายงานสัญญาบ้านรอปิดการขาย ก.พ. +0.80% & ม.ค. +8.10% MoM ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.30% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +1.8% , เทคโนโลยี +2.7% ขณะที่ GFK เผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมัน เม.ย. ดีขึ้น ตามราคาพลังงานลดลง   

 Market View

• ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Micron Tech, AMD, INTEL จากคาดการณ์ยอดขายชิปปีนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบธุรกิจ AI ขณะที่กลุ่มธนาคารสหรัฐปรับขึ้น หลังเฟดกำลังพิจารณาสาเหตุทำให้ SVB, SB ต้องปิดกิจการ และเตรียมเสนอใช้เกณฑ์ควบคุมเข้มขึ้นสำหรับธนาคารมีสินทรัพย์มากกว่า $ 1 แสน ล. เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบธนาคารสหรัฐ ส่งผลให้ VIX Index ลดลงอยู่ที่ 19.12 บ่งชี้ความผันผวนเริ่มลดลง ปัจจัยทางเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม GDP สหรัฐ Q4/65 ครั้งที่ 3 คาด +2.7% QoQ , จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาด 196,000 & สัปดาห์ก่อน 191,000 ราย และถ้อยแถลงของคณะกรรมการเฟด โทมัส บาร์กิ้น & รมว.คลังสหรัฐ เยลเลน ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ & ดอกเบี้ย & ระบบสถาบันการเงิน ส่วนตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร หลัง UBS แต่งตั้ง CEO ใหม่เพื่อดูแลการควบรวมกิจการกับเครดิต สวิส โดยค่ำวันพรุ่งนี้รอรายงาน CPI ยูโรโซน เบื้องต้น มี.ค. คาดชะลออยู่ที่ 7.1% & ก.พ. 8.5% YoY ซึ่งตลาดคาด ECB จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้  ส่วนตลาดเอเชียวานนี้ ฮั่งเส็ง +2.06% รับข่าว Alibaba เตรียมปรับโครงสร้าง 6 ธุรกิจ เพื่อเตรียมระดมทุนในตลาดหุ้น บ่งชี้รัฐบาลจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายการควบคุมกลุ่ม Big Tech สำหรับดัชนี SET วานนี้ +0.22% ปริมาณการซื้อขาย 4.44 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 662 ลบ. รายย่อยขาย 451 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 197 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +2.61% นำโดย DELTA รอประชุมผู้ถือหุ้น 7 เม.ย. ขออนุมัติแตกพาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องในการซื้อขาย ขณะที่กลุ่มธนาคาร +0.62% หลัง กนง.มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 1.75% และยังไม่ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อปี้นี้คาด 2.9% และปีหน้าที่ 2.4% แต่ผู้ประกอบการยังส่งผ่านต้นทุนการผลิตสูงขึ้นไปยังผู้บริโภคน้อย ส่วนประมาณการณ์ GDP ไทยปีนี้คาด +3.6% ได้แรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวคาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ 28 ล.คน และปีหน้าคาด 35 ล.คน

 Daily Strategy

• วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,600 หากยืนได้ คาดมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,620 หลังความผันผวนดัชนีต่างประเทศลดลง แนะนำทยอยซื้อ SCB, TISCO (+ดอกเบี้ยขาขึ้น )/ BH, BDMS (+ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น)/ เก็งกำไร BE8, BBIK (+กลุ่ม Growth)
• SAPPE* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 58.50 บาท) บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 66 ที่ระดัย +25%YoY จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะมาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และต่างประเทศจากการขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึงยังคงแผนในการขยายกำลังผลิตขึ้นอีก +30% ในต้นปี ขณะที่ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยว ประกอบกับ Seasonal ที่เข้าสู่หน้าร้อนใน 1H ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้นเป็นบวกต่อ GPM เบื้องต้นมองที่ระดับ 40% และมีโอกาสดีขึ้นจากแนวโน้มวัตถุดิบที่ลดลงใน 2H การขยายกำลังการผลิตขวดเองลดต้นทุนการซื้อขวดจากภายนอก และการบริหารคลังสินค้า ด้าน Valuation ตลาดประเมินกำไรปี 66 ที่ราว 772 ล้านบาท +18%YoY

NER* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.75 บาท) คาดว่า ราคาขายยาง ในปีนี้จะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากปี65 ที่มีการปรับลดลงอย่างรวดเร็ว โดย ในปี66 บ.วางเป้าปริมาณขายที่ 5 แสนตัน คิดเป็นรายได้ราว 3 หมื่นลบ.(+19%YoY) มี Demand จากจีน และ รถEV เข้ามาหนุน นอกจากนี้ทาง บ.ยังมีแผนการขยายกำลังการผลิตยางแท่งและยางแท่งผสม โดยการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 1.72 แสนตัน/ปี (คาดจะเสร็จใน1Q67) จะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของ NER อยู่ที่ 6.88 แสนตัน/ปี ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี66 และ67 จะฟื้นตัวจากปี64 ที่ 0.95 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 1.07 บาท/หุ้น, และ  1.21 บาท/หุ้น ตามลำดับ

Analysts

Apichai Raomanachai          No. 002939

Nopporn Chaykaew             No. 043964

Nattawat Poosunthornsri     No. 087077