Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

189

ที่ SET INEDX บริเวณ 1610 จุด ทยอยสะสม
หลังการปรับลดประมาณการ เราเห็นว่าที่ SET Index บริเวณ 1610 จุด เป็นพื้นที่
เหมาะสมในการสะสมหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม ส่วนกรอบการเคลื่อนไหววันนี้คาดอยู่ที่
1610 – 1630 จุด หุ้น Top Pick เลือก NER, SAWAD และ SCGP
SET Index สัญญาณอ่อนแรงจากการเปิดสูงปิดต่ำ ซึ่งสะท้อนมายังแท่งเทียนเม็ดแดง
เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน จึงคาดภาพการค้นหาฐานยังมีต่อไป แต่อย่างไรก็ตามสัญญาณที่พอ
มีความหวังอยู่บ้างคือ RSI ที่ลงมาใกล้เขต Oversold แล้วจึงเชื่อว่าการปรับลงจากตรงนี้
จะเริ่มจำกัดลงในกรอบ 1610-1630 จุด

ที่ SET INEDX บริเวณ 1610 จุด ทยอยสะสม
วานนี้ฝ่ายวิจัย ASPS ได้รายงานผลการปรับลดประมาณการ EPS ปี 2566 ของ
บจ. โดยปรับลดลงจากระดับกว่า 99 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 91.8 บาท/หุ้น และกำหนด
กลยุทธ์การลงทุน ให้ทยอยสะสมหุ้นรอบใหม่ เมื่อ SET Index ลงมาอยู่ที่บริเวณ
1610 จุด ซึ่งหากประเมินระดับวานนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากราคาหุ้น DELTA ก็
ถือว่า SET Index ได้ลงมาอยู่ในบริเวณที่ควรกลับเข้าไปสะสมหุ้น ซึ่งในเชิงกลยุทธ์
เราจะเริ่มลดระดับเงินสดลง ส่วนหุ้นที่เป้าเป้าหมายในการเข้าลงทุนเพิ่ม คือในหุ้น
ใน Theme China Play ระยะที่ 2 ซึ่งได้แก่หุ้นที่มีการส่งออกสินค้าไปจีน ทั้งนี้เป็น
เพราะเราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ชัดเจน โดยล่าสุดสะท้อนผ่าน
ตัวเลข PMI สำหรับประเด็นอื่นที่อยู่ในความสนใจได้แก่ ความกังวลเรื่อง เงินเฟ้อ
และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ สหรัฐฯ และ ยุโรป ที่กลับเข้ามารบกวนตลาด
หลังการปรับลดประมาณการ เราเห็นว่าที่ SET Index บริเวณ 1610 จุด เป็นพื้นที่
เหมาะสมในการสะสมหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม ส่วนกรอบการเคลื่อนไหววันนี้คาดอยู่ที่
1610 – 1630 จุด หุ้น Top Pick เลือก NER, SAWAD และ SCGP


สัญญาณดอกเบี้ยสูง กดดันตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรป
วานนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศค่อนข้างผันผวน โดยในฝั่งสหรัฐปิดตัวราว +0.02% ถึง -0.66%
ขณะที่ในฝั่งยุโรปปิดตัวราว +0.49% ถึง -0.53% จากระดับความกังวลที่เพิ่มขึ้นในเรื่องเงิน
เฟ้อสูง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ธนาคารกลางดำเนินนโยบายเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

ขณะที่สัญญาณล่าสุดที่เงินเฟ้อสหรัฐอาจลดลงได้ยากสะท้อนจาก ดัชนี PMI ภาคการผลิต
ในเดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 47.3 จุด ปรับตัวสูงขึ้นจากก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 46.9 จุด หลัง
ได้รับหนุนจากการดีดตัวขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ทำให้ยกระดับความกังวลเรื่องดอกเบี้ยที่อาจ
ปรับตัวขึ้นแรงและยาวนานกว่าคาด โดย Fed Watch Tool เผยว่าเพดานการปรับขึ้น
ดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2566 อาจจะไปแตะที่ระดับ 5.75% ในเดือนก.ย. ขณะที่โอกาสที่
Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22
มี.ค. นี้ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 30.6% (ก่อนประกาศตัวเลข PMI อยู่ที่ 24%)

ในส่วนของฝั่งยุโรปเริ่มเห็นอาการของเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวลดลงได้ช้ากว่าคาด เริ่มจาก
อังกฤษที่กำลังเผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้ออย่างหนัก จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคา
อาหารที่พุ่งสูง สะท้อนจากเงินเฟ้อในหมวดอาหารของอังกฤษเดือน ธ.ค. 2565 +

13.3%YoY ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่สมาคมค้าปลีกอังกฤษเริ่มเก็บ
สถิติเมื่อปี 2548 หรือในรอบ 17 ปี นอกจากนี้ตัวเลขเงินเฟ้อเยอรมันก็ยังทรงตัวในระดับสูง
ต่อเนื่อง โดยเดือน ก.พ. 2566 +9.3% (สูงกว่าคาดที่ +9.0%YoY) ขยับเพิ่มขึ้นจากเดือน
ม.ค. 2566 +9.2% ภาวะดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ ECB ยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่
เข้มงวดต่อไป ขณะที่ Bloomberg Consensus ประเมินเพดานการขึ้นดอกเบี้ยปลายปี
ของยุโรปจะอยู่ที่ 4.5%-4.75% ส่วนการประชุมในวันที่ 16 มี.ค. คาดว่า ECB จะขึ้น
ดอกเบี้ยอีก 0.50% มาอยู่ที่ 3.5%

สรุป ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดูดี อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ Fed เดินหน้า
ปรับขึ้นดอกเบี้ยที่แรงและเร็วกว่าคาด ขณะที่ฝั่งยุโรปต่างกำลังเผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้อ
สูงเช่นกัน ส่วนในวันนี้เวลา 17.00 น. รอติดตามการประกาศตัวเลข CPI ของยุโรปเดือน
ก.พ. 66 โดยตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ +8.2%YoY ปรับตัวลดลงมาจากเดือน ม.ค. ที่
ระดับ +8.6%YoY ส่วน Core CPI ก็มีแนวโน้มชะลอลงจาก 7.1%YoY มากอยู่ที่
6.9%YoY ทั้งนี้ หากเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจจส่งผลต่อการพิจารณาปรับขึ้น
ดอกเบี้ยของ ECB และมีโอกาสกดดันตลาดหุ้นจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสูง
ดัชนี PMI จีนออกมาดีกว่าคาด ดีต่อไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
เศรษฐกิจจีนมีโน้มฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องและเร็วกว่าที่คาด หลังยกเลิกมาตรการ Zero-
Covid และเปิดประเทศ ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ สะท้อนได้จากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
(PMI) ที่หดตัวไปช่วง 4Q65 และกลับมาฟื้นตัวได้ดีช่วง 1Q65 โดยล่าสุดเดือน ก.พ. ยัง
ปรับตัวดีขึ้นชัดเจนมากกว่า 50 จุด และออกมาดีกว่าที่คาดมาก เฉพาะอย่างยิ่งในด้าน
บริการที่ค่อนข้างฟื้นตัวได้โดดเด่น ที่สำคัญ PMI ยังเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ โดยช่วง
ครึ่งแรก 4Q65 จีนมีการใช้มาตรการควบคุมโควิดเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดดังนี้

PMI ภาคการผลิต เดือน ก.พ. อยู่ที่ 52.6 จุด (สูงกว่าตลาดคาดที่ 50.5)
เพิ่มขึ้นจาก 50.1 จุด ในเดือน ม.ค. และยังเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 11 ปี
นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2555 โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการกลับมาเปิดโรงงานหลัง
วัยหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นการเพิ่ม Supply ให้กับตลาด เพื่อรองรับ
Demand ที่สูงขึ้น
• PMI ภาคบริการและการก่อสร้าง เดือน ก.พ. อยู่ที่ 56.3 จุด (สูงกว่าตลาดคาด
ที่ 55.0) เพิ่มขึ้นจาก 54.4 จุด ในเดือน ม.ค. จาก Demand ที่กลับมาฟื้นตัว
สังเกตุจากประชาชนอออกมาจับจ่ายใช้สอย และออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน
มากขึ้น

ขณะที่รัฐบาลจีนค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ และมีความ
พร้อมเต็มที่ในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งการดำเนินนโยบายการเงินและการคลัง
เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจีนที่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าประเทศอื่นๆ(เดือน ม.ค. CPI +2.1%YoY)
รวมถึงยังเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ

ซึ่งเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว ส่งผลโดยตรงต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากจีนเป็น
ประเทศสู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2565 มูลค่าการค้าของไทย มาจากจีนสูงสุดเป็น
อันดับ 1 ราว 1.05 แสนล้านเหรียญฯ (สัดส่วน 18% ของการค้าโลก) ขณะที่ไทยก็ส่งออก
สินค้าไปจีนมีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ราว 3.4 หมื่นล้านเหรียญฯ (สัดส่วน
12% ของการส่งออกโลก) และเมื่อดูในฝั่งจีน จะเห็นได้ว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทย
ไปจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีล่าสุดอยู่ที่ 6.17 หมื่นล้านเหรียญฯ (ค่าเฉลี่ย 10 ปี
ย้อนหลัง โตเฉลี่ยปีละ 4.7%)
ดังนั้น Demand ที่ฟื้นตัวภายในประเทศจีน ทำให้โอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังจีนมี
แนวโน้มดีขึ้น และยังมีข้อสังเกตข้อมูลในอดีตในทุกๆ ช่วงต้นปี (ม.ค.-ก.พ.) มูลค่าการ
ส่งออกมักชะลอตัวลงในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนเสมอ และหลังจากนั้นจะปรับตัวสูงขึ้น
ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะถัดไป

สรุป เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น จากการกระตุ้นของภาครัฐฯ และการเปิด
เมือง หนุนให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ในมุมของมูลค่าการค้าที่อิงกับประเทศจีนมาก
สุด ทำให้มีโอกาสเห็นตัวเลขเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวเด่นในระยะถัดไปเช่นกัน
หลบความผันผวนตลาดหุ้นไทย กับหุ้นเด่นรับเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นขึ้นเร็วกว่าคาด โดยแบ่ง
ออกเป็นหมวดหมู่ตามตารางทางด้านล่าง

อีกทั้งยังเห็นว่า มีหุ้นหลายบริษัทราคาหุ้นในปีนี้ (ytd) ย่อตัวลงมา (Laggard) จนเริ่ม
น่าสนใจ อาทิ SCGP, SJWD (เข้า SET100), NOBLE, MTC, ANAN, SCC, IRPC, AOT,
NER, SMT, PTTGC และหุ้นที่มี Momentum ชนะตลาดได้ดีในช่วงที่ผ่านมา (ytd) อย่าง
KCE, MINT, CBG, CENTEL, SAWAD (เข้า SET50), ERW, STA

สรุป Valuation ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึง ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินจุดเข้าสะสมสำคัญ คือ
SET Index บริเวณใกล้เคียง 1610 จุด ส่วนกลยุทธ์การเลือกหุ้นในการลงทุนช่วงนี้
จำเป็นต้องพิถีพิถันมากขึ้น และหนึ่งในธีมน่าลงทุนคือ หุ้นเด่นรับเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว
(China Play) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดย Top pick วันนี้เลือก SCGP, NER, SAWAD


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืนได้ By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นหลายตัว ยืนได้ เปล่งประกายลำแสงสีเขียว ได้ต่อเนื่องหรือไม่ บ่ายวันนี้ มาจับตามอง ....

PTG จัดแคมเปญเติมน้ำมัน-LPG รับมะม่วงแฟนซี ฟรี!

PTG จัดแคมเปญเติมน้ำมัน-LPG รับมะม่วงแฟนซี ฟรี!

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้