HotNews: WP วิ่งสู่เป้า ผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนครบวงจร
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 6 กุมภาพันธ์ 2561)-------- WP คาดยอดขายรวมปี61โตไม่ต่ำกว่า3% หลังความต้องการLPGในครัวเรือนและอุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง วางงบลงทุนปี61 ไม่ต่ำกว่า 500 ลบ. ใช้ขยายคลังสินค้าแห่งใหม่ รองรับลูกค้าทั่วประเทศ จากปัจจุบันมี 5 แห่ง เผยอยู่ระหว่างศึกษาร่วมทุน -ซื้อกิจการในธุรกิจ LPG และ Non-LPG คาดภายในปีนี้ได้ข้อสรุป คาดปี61 ยอดขายตปท. เพิ่มขึ้นแตะ 1 พันตัน/เดือน จาก 200 ตัน/เดือนในปีก่อน
นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพีเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่าในปี 2561 บริษัทคาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% จากปี 2560 ที่คาดว่าจะมีปริมาณการขาย 8.7 แสนตัน พร้อมตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างครบวงจร ซึ่งบริษัทมีความสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทุกรูปแบบหากสิ่งนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ทั้งนี้คาดภาพรวมธุรกิจปี 2561 ของบริษัทว่า ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ทำให้ตลาดก๊าซ LPG กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง และส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตตามไปด้วย
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัท มีแผนสร้างคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ จากปัจจุบันบริษัทมีคลังกระจายสินค้า อยู่จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่ง ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อำเภอบางปะกง แบ่งเป็น 2 เฟส (อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มอีก 1 เฟส),จังหวัดขอนแก่น ที่อำเภอบ้านแฮด 1 แห่ง และที่อำเภอท่าพระ 1 แห่ง,จังหวัดสมุทรสงคราม ที่อำเภอบางจะเกร็ง 1 แห่ง และที่อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 1 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใหม่ (CLMV) โดยล่าสุดได้ขยายตลาดไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และมีแผนขยายตลาดไปที่สปป.ลาว เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่ากลุ่ม CLMV เป็นตลาดที่ยังขยายตัวได้อีกมาก เพราะยังมีความต้องการใช้ก๊าซค่อนข้างสูงทั้งในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายก๊าซ ภายใต้แบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” เป็นอันดับ 2
ปัจจุบันบริษัทยังมีโรงบรรจุก๊าซอีก 11 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงมีปั๊มหรือสถานีบริการก๊าซ 2 แห่ง และยังมีบริษัทลูกชื่อ Eagle Intertrans ที่เป็นเจ้าของรถขนส่งก๊าซมากถึง 160 คัน โดย WP ถือหุ้น 100% ใน Eagle Intertrans ทำให้ในอนาคต WP สามารถขยายธุรกิจไปยังระบบขนส่งด้านอื่นๆ ได้อีกมาก
ด้านนางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดับบลิวพี เอ็นเนอร์นี จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่าบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการร่วมลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการในธุรกิจเกี่ยวเนื่องก๊าซ LPG และธุรกิจที่ไม่ใช่ก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศ เช่น การขนส่งทางเรือ เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นทั้งต้นน้ำและปลายน้ำในอนาคต ส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่ก๊าซLPG บริษัทมีความสนใจในธุรกิจพลังงานในทุกประเภทและทุกรูปแบบการลงทุนด้วยเช่นกัน โดยบริษัทคาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทจะมีการเน้นการขยายฐานลูกค้าก๊าซ LPG ไปยังต่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบันได้อยู่ระหว่างกับผู้ประกอบการในประเทศสปป.ลาวและกัมพูชา ล่าสุดได้ได้ขยายไปยังเมียนมาร์ แต่ในปีนี้จะเน้นขยายไปยัง สปป.ลาว ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในปีนี้ พร้อมกันนี้บริษัทยังคาดว่าปริมาณการส่งออกปี2561 จะเฉลี่ยอยู่เดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัน จากปลายปี 2560 มีปริมาณการขายในต่างประเทศรวมอยู่ที่ 200 ตัน เนื่องจากมองว่ากลุ่ม CLMV เป็นตลาดที่ยังขยายตัวได้อีกมาก เพราะยังมีความต้องการใช้ก๊าซค่อนข้างสูงทั้งในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายก๊าซ ภายใต้แบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” เป็นอันดับ 2 สำหรับในกัมพูชาได้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และเจรจรากับผู้ประกอบการ
สำหรับประเด็นความกังวลที่บริษัทและผู้ถือหุ้นจะมีที่ความเกี่ยวข้องกับนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ บริษัทขอยืนยันว่าบริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องในประเด็นดังกล่าว ส่วนความเกี่ยวข้องในตัวผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้น บริษัทไม่ทราบถึงรายละเอียดส่วนบุคคล คงต้องสอบทราบกับผู้ถือหุ้นเอง
อนึ่ง บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) WP กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 โดยเปิดการซื้อขายที่ 15.40 บาท หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อนุมัติให้ WP กลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เนื่องจาก ฟื้นฟูกิจการและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การขอพ้นเหตุเพิกถอนแล้ว
ทั้งนี้บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) WP ได้ยื่นคำขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและขอให้เปิดซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ สืบเนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2551 เนื่องจากนำส่งงบการเงินประจำปี 2550 ล่าช้ากว่า 180 วัน ต่อมาเมื่อนำส่งงบการเงินฉบับดังกล่าว ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีปรากฎส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 1,648 ล้านบาท รวมทั้งผู้สอบบัญชี ไม่แสดงความเห็นในงบการเงิน 3 ปีติดต่อกัน โดยบริษัทได้ปรับปรุงฐานะการเงินแล้ว
WP มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นเวลา 1 ปี และงวดงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ จากงบการเงินประจำปี 2559 เท่ากับ 36 ล้านบาท และงบการเงินงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 เท่ากับ 108 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยาน 2560 เท่ากับ 675 ล้านบาท รวมถึงสามารถแสดงได้ว่าบริษัทมีฐานะการเงินและผลดำเนินงานมั่นคงตามสภาพธุรกิจไปอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาแล้วเหตุว่า WP มีคุณสมบัติครบถ้วนตามแนวทางและขั้นตอนดำเนินงาน เพื่อขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนครบถ้วนแล้ว ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ของ WP พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย "SP" (Suspension) และ "NC" (Non-compliance) ทุกเหตุที่บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน และให้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป โดยราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายอาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์ในปัจจุบัน จึงขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลบริษัทได้จากสรุปข้อสนเทศของ WP
บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP ซึ่งเกิดขึ้นจากการควบรวม บริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อนการควบบริษัทนั้น PICNI ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ลงวันที่ 14 มกราคม 2551 ต่อศาลล้มละลายกลาง ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2551 PICNI ได้นาส่งงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งผ่านการตรวจสอบบัญชี ปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์ กล่าวคือ ติดลบเป็นจานวน 1,647,968,985 บาท และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของ PICNI เป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน จึงเข้าข่ายเหตุแห่งการเพิกถอนหลักทรัพย์ของ PICNI ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการนั้น PICNI ได้ดำเนินการลดทุนลงจากจำนวน 4,453,349,970 หุ้น เหลือ 200,000,000 หุ้น และดำเนินการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 1,800,000,000 หุ้น (สำหรับแปลงหนี้เป็นทุน 100,000,000 หุ้น และขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหม่ 1,700,000,000 หุ้น เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ) ต่อมา WG ได้เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนจานวน 1,700,000,000 หุ้นของ PICNI ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ และได้รับหุ้น PICNI จากการแปลงหนี้เป็นทุนในกระบวนการฟื้นฟูกิจการอีกจำนวน 2,644,587 หุ้น ส่งผลให้ WG เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 85.13 ของ PICNI ซึ่งการเข้าลงทุนของ WG ดังกล่าว
ส่งผลให้ PICNI ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นผลสำเร็จ และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของ PICNI ในวันที่ 27 มีนาคม 2557 โดยผู้ถือหุ้นใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการและผู้บริหารเดิม และหลังจากนั้นได้ทำการควบบริษัทระหว่าง PICNI และ WG เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรวมธุรกิจ (Synergy) ดังนั้น คณะกรรมการ ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องใดๆ กับคณะกรรมการ ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นของ PICNI ชุดเดิมที่ได้ก่อความเสียหายให้แก่ PICNI ในอดีตเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การขอพ้นเหตุเพิกถอนแล้ว จึงได้มีหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 เพื่อขอพ้นเหตุเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Resume Trading) โดยบริษัทฯ มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การขอพ้นเหตุเพิกถอน
ขณะที่ปิดการซื้อขายวันนี้ ราคาหุ้น WP อยู่ที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.55 บาท หรือ 15.58% มูลค่าการซื้อขาย 807.67 ล้านบาท