สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 ธันวาคม 2565)-------GIFT ขายหุ้นพีพี 330 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.65 บาท ให้ เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์-สุรชัย,เชษฐ,โชติ เชษฐโชติศักดิ์ หรือกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ ,พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง,กานดา สธนกุลพานิช,ศิริชัย โตวิริยะเวช,พรพิมล เจริญชนิกานต์,อนิญช์ หวั่งหลีและเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ/ฝั่ง กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ เทนเดอร์ ฯ1.65บ./หุ้น

บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จํากัด (มหาชน) GIFT เปิดเผยว่า ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ได้มีมติให้เสนอวาระต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขาย หุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวนไม่เกิน 330,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) คิดเป็นร้อยละ 49.94 ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่ม ทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทจะได้รับเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้รวม 544,500,000 บาท ทั้งนี้บริษัทได้สรรหานักลงทุนที่มีความเหมาะสม และมีความสนใจเข้าร่วมลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จํานวน 10 ราย (“ผู้ลงทุน”) ซึ่งบริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้ (รวมเรียกว่า “ธุรกรรม PP”)

 

        1. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 275,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นการ ออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 41.62 ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด (ภายหลัง การจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ให้แก่บริษัท เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จํากัด นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ นายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ และนายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ (“กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์”) โดยแบ่งเป็นบริษัท เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จํากัด จํานวน 195,000,000 หุ้น นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จํานวน 40,000,000 หุ้น นายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ จํานวน 20,000,000 หุ้น และนายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ จํานวน 20,000,000 หุ้น

 

เนื่องด้วยกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ และ พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประสงค์จะเข้าซื้อและรับโอนหุ้นสามัญเดิม ของบริษัท จากบริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จํากัด (มหาชน) จํานวน 206,596,466 หุ้น และ 15,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.46 และ 4.53 ตามลําดับ ของจํานวนหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทก่อนการ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ภายใต้ข้อกําหนดและเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหุ้นที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้ หากการซื้อขายหุ้นสามัญเดิมดังกล่าวสําเร็จสมบูรณ์ จะเป็นผลให้กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ มีหน้าที่ทําคําเสนอซื้อ หลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ตามประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์

 

ทั้งนี้การเข้าซื้อและรับโอนหุ้นสามัญเดิมของบริษัท จากบริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จํากัด (มหาชน) ของ กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ และ พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จํานวน 206,596,466 หุ้น และ 15,000,000 หุ้น คิด เป็นสัดส่วนร้อยละ 62.46 และ 4.53 ตามลําดับ ดังกล่าวนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวาระการจัดสรรหุ้นสามัญ เพิ่มทุนให้บุคคลในวงจํากัดของบริษัทในครั้งนี้แต่อย่างใด

การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 453,750,000 บาท (“ธุรกรรมการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่กลุ่มเชษฐ โชติศักดิ์”) ทั้งนี้รายการการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์เป็นรายการเกี่ยวโยงกันเนื่องจากกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์จะมีสถานะเป็นผู้มีอํานาจควบคุมของบริษัท และอาจได้รับการเสนอชื่อให้เป็น กรรมการ และ/หรือ ผู้บริหารของบริษัท ภายหลังการซื้อขายหุ้นสามัญเดิมสําเร็จสมบูรณ์

 

        2. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 15,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คิดเป็นการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 2.27 ของจํานวนหุ้นที่ออก และจําหน่ายแล้วทั้งหมด (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิด เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 24,750,000 บาท (“ธุรกรรมการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ พล.ต.อ. ดร. สมยศพุ่มพันธุ์ม่วง”) ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวโยงกันเนื่องจากพล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อาจจะได้รับ การเสนอชื่อให้เป็นกรรมการของบริษัท ภายหลังการซื้อขายหุ้นสามัญเดิมสําเร็จสมบูรณ์

        3. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 15,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้นางสาว กานดา สธนกุลพานิช คิดเป็นการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 2.27 ของจํานวนหุ้นที่ออก และจําหน่ายแล้วทั้งหมด (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิด
เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 24,750,000 บาท

        4. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 8,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้นายศิริชัย โตวิริยะเวช คิดเป็นการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 1.21 ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่าย แล้วทั้งหมด (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม ทั้งสิ้น 13,200,000 บาท

        5. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 8,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้นางสาวพร พิมล เจริญชนิกานต์ คิดเป็นการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 1.21 ของจํานวนหุ้นที่ออกและ จําหน่ายแล้วทั้งหมด (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 13,200,000 บาท

 

        6. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้นายอนิญช์ หวั่งหลี คิดเป็นการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 0.76 ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้ว ทั้งหมด (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม ทั้งสิ้น 8,250,000 บาท

 

        7. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 4,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้นาย เอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ คิดเป็นการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 0.61 ของจํานวนหุ้นที่ ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชําระแล้ว) ในราคาเสนอขาย 1.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,600,000 บาท

ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในคราวนี้เป็นราคาที่เกิดจากการเจรจาระหว่างบริษัทและผู้ลงทุนซึ่งเป็นราคาที่สูง กว่าวิธีปรับปรุงมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นของบริษัท ซึ่งธุรกรรม PP เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) ที่ผู้ถือหุ้นมีมติกําหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ที่ 1.65 บาทต่อหุ้นในครั้งนี้เข้าข่ายเป็นการเสนอขายหุ้นออกใหม่ในราคาต่ํากว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด ตามประกาศ คณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทจ. 72/2558 เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลใน วงจํากัด (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (ประกาศเรื่องการอนุญาตเสนอขายหุ้น PP")

 

ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการเข้าทําธุรกรรม PP ผู้ลงทุนแต่ละรายรวมจํานวน 10 ราย ได้แก่ (1) บริษัท เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จํากัด (2) นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ (3) นายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ (4) นายโชติ เชษฐโชติ ศักดิ์ (5) พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (6) นางสาวกานดา สธนกุลพานิช (7) นายศิริชัย โตวิริยะเวช (8) นางสาวพร พิมล เจริญชนิกานต์ (9) นายอนิญช์ หวั่งหลี และ (10) นายเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ จะเข้าทําสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญ เพิ่มทุนของบริษัท (Share Subscription Agreement) โดยมีเงื่อนไขที่สําคัญ ตามที่ปรากฏในข้อ 3.2 ของเอกสารฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งจะประชุมในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 โดย บริษัทคาดว่าธุรกรรม PP จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566

 

ความเป็นไปได้ของแผนการใช้เงินเพิ่มทุน

บริษัทจะนําเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ให้แก่บุคคลในวงจํากัดในครั้งนี้ จํานวนรวมประมาณ 544,500,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจซึ่งรวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้าง รายได้ และผลกําไรที่ดีให้กับบริษัท โดยที่ปัจจุบันยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการลงทุนใน ธุรกิจใหม่ และบางส่วนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และ/หรือ ชําระคืนเงินกู้

ความสมเหตุสมผลของการเพิ่มทุน

คณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้มีความสมเหตุสมผล เนื่องจากการเพิ่มทุนดังกล่าว จะทําให้บริษัท สามารถแก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องและเสริมสร้างศักยภาพในการประกอบธุรกิจของบริษัท ตลอดจนมี เงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดําเนินธุรกรรมปกติของบริษัท ตามเหตุผลความจําเป็นที่อธิบายข้างต้น ดังนั้น การเสนอ ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และผู้ถือหุ้นรวมถึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไป ได้ อีกทั้งผู้ลงทุนทุกรายเป็นผู้ลงทุนที่มีศักยภาพ มีความพร้อมด้านเงินทุน นอกจากนี้ ผู้ลงทุนที่จะเข้ามาเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารยังเป็นผู้มีประสบการณ์และความสามารถที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ให้กับบริษัท จึง เห็นว่าผู้ลงทุนทุกรายมีความเหมาะสม และมีความสามารถในการลงทุน

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ บิ๊ก RS
แจงลงทุนใน GIFT
เป็นการลงทุนตามความสนใจส่วนตัวของครอบครัว

จากการเปิดเผยสารสนเทศของ “บมจ. ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด” (UKEM) และ บมจ. แกรททิทูด อินฟินิท” (GIFT) ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับ

        1. การจำหน่ายหุ้น GIFT ซึ่ง UKEM ถือครองในสัดส่วน 62.45% ของหุ้นทั้งหมดของ GIFT ให้แก่กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลงทุนในครอบครัวของคุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “บมจ. อาร์เอส จำกัด (มหาชน)” RS หรือ อาร์เอส กรุ๊ป

        2. การเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private placement: PP) ของ GIFT ให้กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์โดยหากธุรกรรมทั้ง 2 รายการเสร็จสมบูรณ์แล้วจะส่งผลให้กลุ่มเชษฐโชติศักดิ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และอาจได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการ และ/หรือ ผู้บริหารของ GIFT

 

คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ขอชี้แจงตามข้อเท็จจริงว่า การเข้าลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนตามความสนใจส่วนตัวของครอบครัว เพื่อเข้าไปพัฒนาธุรกิจเดิมของ GIFT และยังมีความประสงค์ที่จะมองหาโอกาสเพื่อขยายไปสู่สายธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพและสร้างผลกำไรที่ดีให้กับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงธุรกิจด้านการบริการและธุรกิจร้านอาหาร (Food & Beverage and services) ซึ่งสมาชิกในครอบครัวมีประสบการณ์ในการบริหารและการลงทุนในธุรกิจนี้มายาวนานเพื่อต่อยอดธุรกิจให้กับ GIFT ในอนาคต

 

ทั้งนี้ คุณสุรชัย ในฐานะกลุ่มถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่มีความพร้อมที่จะนำ GIFT ไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยแรงขับเคลื่อน (Driver) จากธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างรายได้และผลกำไรของ GIFT ให้เติบโต นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรนักลงทุนที่เข้าลงทุนในครั้งนี้ ยิ่งจะเป็นสิ่งที่เพิ่มความเชื่อมั่นว่า GIFT จะได้รับการบริหารงานด้วยคณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งมีประสบการณ์และศักยภาพสูง สามารถสร้างมูลค่าของผู้ถือหุ้นให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

การลงทุนใน GIFT ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการลงทุนตามความสนใจส่วนตัวของครอบครัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ RS คุณสุรชัยยังคงยืนยันและให้ความมั่นใจกับนักลงทุนของ RS ในการเป็นผู้นำของ RS Group และมุ่งมั่นที่จะสานต่อโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่ตนเป็นผู้ริเริ่ม เพื่อสร้างการเติบโตให้กับ RS ในระยะยาว

 

 

----จบ---