Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: WAVE แตกไลน์ รุกธุรกิจ Carbon Credits

4,326

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7ธันวาคม 2565)------WAVE แตกไลน์ธุรกิจใหม่  ลุยคาร์บอน เครดิตครบวงจร หวังปั้นเป็น New S-curve ในอนาคต คาดเริ่มสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2566 


 

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานกรรมการบริษัท บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) WAVE เปิดเผยว่า ธุรกิจใหมเป็น New S-curve ในอนาคตของ เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์หรือ Wave คือ การทําธุรกิจครบวงจร คาร์บอน เครดิต ธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาสําหรับ Global Emission ซึ่งประกอบไปด้วยการให้คําปรึกษาทั้งสําหรับผู้ซื้อและผู้ขาย, การเป็นผู้พัฒนาโครงการและผู้ประเมิน (V/VB), ศึกษาและจัดหาคาร์บอน เครดิต ทั้งจากพลังงานสะอาดและพลังงานอื่นๆ สําหรับการซื้อ-ขาย, รวมถึงนวัตกรรมเพื่อสร้างความร่วมมือจากภาคประชาชนในการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน คาดเริ่ม สร้างรายได้เชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 บริษัทฯได้เซ็นเอ็มโอยู (MOU) ความร่วมมือกับบริษัท Net Zero Carbon Joint Stock จาก เวียดนาม โดย Mr. Tran Minh Tien ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแวดวงของ Renewable Energy และมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับ โครงการต่าง ๆ จํานวนมาก โดยเฉพาะโครงการที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์และพลังงานลม

ความร่วมมือกับบริษัท Net Zero Carbon Joint Stock ส่งผลให้บริษัทฯ มีคาร์บอนเครดิตและใบรับรองการผลิต พลังงานหมุนเวียน (RECs) ประมาณ 1ล้านตันคาร์บอน และที่จะผลิตได้จากปี 2023-2026 อีก 2.5ล้าน ตันคาร์บอน


ปัจจุบัน Net Zero Carbon Joint Stock มีกําลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือประมาณ 439.1 MW และตั้งเป้าหมายว่า อีก 3 ปี (พ. ศ.2568) จะเป็นเจ้าของกําลังการผลิตไฟฟ้าจาก Renewable Energy ที่ 2,000 เม็กกะวัตต์ เพื่อตอบสนองความต้องการ Carbon Credits และ RECs ที่มีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ


"ธุรกิจ คาร์บอน เครดิต และ REC มีแนวโน้มเติบโต และราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาด เครดิต คาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2030 คาดเติบโต 15 เท่า และปี 2050 เติบโต 100 เท่า"นายเจมส์ กล่าวและว่าความน่าสนใจของตลาดคาร์บอน เครดิต ซึ่งเป็น New S-Curve ของบริษัทฯนั้น ซึ่งความต้องการคาร์บอน เครดิต สูงถึง 200 ล้านตัน/ปี และจะเพิ่มมากขึ้นถึง 1,640-1,775 ล้านตันในปี 2030 ขณะที่ไทยมีคาร์บอนเครดิตที่ขึ้นกับ อบก. แล้วเพียง 7 ล้าน ตัน/ปี และราคาซื้อขาย ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2018 – 2022 ราคาปรับตัวขึ้น 410% จากช่วงราคา 21 บาท/ตัน ขึ้นมา 107 บาท/ตัน ปัจจุบัน ราคาซื้อขายที่ 50-150 บาท/ตัน ซึ่งราคาโลกซื้อขายกันที่ 18-70 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขึ้นอยู่กับประเภท และที่มาของ Carbon Credits และ RECs และต้องได้รับรองจากหน่วยงานรับรองระดับสากล เช่น Gold Standard, CDM, Verra, ACR, GCC, I-RECs ซึ่งปี 2035 มีแนวโน้มปรับขึ้นมา 80-150 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามความต้องการที่สูงขึ้น


นายเจมส์กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้ารายได้รวมปีหน้า 700 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ จากธุรกิจการศึกษา 400 ล้านบาท ธุรกิจกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ 150 ล้านบาท และรายได้คาร์บอน เครดิต 200 ล้านบาท ซึ่งทุกบริษัทย่อยอยู่ระหว่างทําแผนธุรกิจปีหน้า

---จบ---

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

HotNews: IND เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด

IND เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15%

สถานบันเทิงครบวงจร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ยินดี สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ลงมติ รายงานผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร...

มัลติมีเดีย

QTCG กระแสตอบรับดี/เปิดพื้นฐานก่อนเทรดวันที่ 4 เม.ย. - สายตรงอินไซด์ - 29 มี.ค.67

QTCG กระแสตอบรับดี/เปิดพื้นฐานก่อนเทรดวันที่ 4 เม.ย. - สายตรงอินไซด์ - 29 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้