สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 3 ธันวาคม 2565 )---ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่ง โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ โดยมีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี ประกอบกับเงินหยวนทยอยฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางความหวังว่าทางการจีนน่าจะทยอยผ่อนปรนมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดในระยะข้างหน้า เงินบาทรักษาทิศทางแข็งค่าไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมกนง. ซึ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอีก 0.25% ไปที่ 1.25%
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะพอร์ตการลงทุนระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-2 ธ.ค. 2565 ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทย 25,269 ล้านบาท และ 4,493 ล้านบาท ตามลำดับ
ในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งที่ 34.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ เทียบกับระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 พ.ย.)
สัปดาห์ถัดไป (5-9 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนพ.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และท่าทีต่อมาตรการโควิดของทางการจีน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการ และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางอินเดีย ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. ของจีน ยูโรโซนและอังกฤษ รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต