Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: บอร์ด ASW ไฟเขียวออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 320 ลบ. ชูผลตอบแทนดอกเบี้ย 5% พร้อมแถม ASW-W2

3,030

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 16 สิงหาคม 2565)---บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ประกาศมุ่งขยายพอร์ตอสังหาฯ สู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประยุกต์ใช้เครื่องมือทางการเงินต่อยอดลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ หลังบอร์ดอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 320 ล้านบาท อายุ 2 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี เปิดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 3 ตุลาคม 2565 พร้อมแถมวอแรนต์ (ASW-W2) แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นกู้แปลงสภาพ เสริมทัพเดินหน้าลุยต่อครึ่งปีหลังเปิดตัว 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท เผยมั่นใจยอดขายปีนี้เกินเป้า 10,000 ล้านแน่นอน

 


นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด "ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ" หรือ "We Build Happiness" เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยขับเคลื่อนผ่านการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตามโรดแมปที่วางไว้สู่ความมั่งคั่งและมั่นคงในอนาคต หลังจากครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งด้านยอดขาย (พรีเซล) และรายได้ที่ทำนิวไฮทุบสถิติครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 320,000 หน่วย ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้นไม่เกิน 320 ล้านบาท แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่ได้รับสิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้น (PPO) ในอัตราการจัดสรร 2,676 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ

ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นของ ASW ก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นวันแรกของการขึ้นเครื่องหมาย XB (Excluding Other Benefits) และให้วันที่ 26 สิงหาคม 2565 เป็นวันที่กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพควบใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (ASW-W2) (Record Date) ซึ่งบริษัทฯ จะเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 3 ตุลาคม 2565 โดยผู้ถือหุ้นของ ASW สามารถจองซื้อมากกว่าสิทธิที่ตนได้รับได้

หุ้นกู้แปลงสภาพที่จะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในครั้งนี้มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ให้ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน 5% ต่อปี ซึ่งสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพครั้งแรกในวันที่ 4 เมษายน 2567 กำหนดราคาแปลงสภาพที่ร้อยละ 90 ของราคาตลาดแต่จะต้องไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อหุ้น โดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นกู้แปลงสภาพในครั้งนี้จะได้รับจัดสรร ASW-W2 ในอัตรา 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ ต่อ 300 หน่วย ASW-W2 มีราคาใช้สิทธิที่ 12.00 บาทต่อหุ้น อายุ 2 ปีนับจากวันที่ออก ASW-W2

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ มูลค่าโครงการรวม 6,200 ล้านบาท ได้แก่ 1)โครงการคอนโด Kave Seed Kaset (เคฟ ซี้ด เกษตร) จำนวน 600 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท 2) โครงการแนบราบ Esta Rangsit Khlong 2 (เอสต้า รังสิต คลอง 2) จำนวน 153 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท และ 3) โครงการแนวราบ The Honor Yothin Pattana (ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา) จำนวน 128 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,170 ล้านบาท

"บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยความยึดมั่นการพัฒนาอสังหาฯภายใต้แนวคิด "ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ" จากความเข้าใจใน Customer Insight ผสานกับกลยุทธ์การตลาดและความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งจะผลักดันให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน" นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด "ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ" หรือ "We Build Happiness" ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 44 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 32 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 9,218 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง


**ASW โชว์ผลงานไตรมาส2/65โต 45% **

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า จากแผนกลยุทธ์ภาพรวมของบริษัทเพื่อต่อยอดความสุขของการอยู่อาศัย และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์โครงการต่างๆ รวมถึงศักยภาพของบริษัทในการมองตลาดและพัฒนาโครงการที่จับเซ็กเมนต์ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 เติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมที่ 1,617 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 45% YoY และ 27% QoQ และมีกำไรสุทธิ 273 ล้านบาท เติบโต 6% YoY และ 21% QoQ นอกจากนี้ยังสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GP) อยู่ที่ 44%

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวมที่ 2,887 ล้านบาท กำไรสุทธิ 498 ล้านบาท และในด้านยอดขาย (พรีเซล) กวาดยอดไปกว่า 8,000 ล้านบาท หรือ 80% ของเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ 10,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถทำยอดพรีเซลทั้งปีได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้


ปัจจัยความสำเร็จมาจากการขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงจุดเด่นด้าน Facility ที่บริษัทให้ความใส่ใจ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแก่ผู้อยู่อาศัย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ ตลอดจนการทำแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ ส่งผลให้โครงการส่วนใหญ่ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะโครงการแคมปัสคอนโดฯ ใกล้สถานศึกษา ภายใต้แบรนด์ “KAVE” (เคฟ) ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย 8-10% ต่อปี เช่น โครงการเคฟทาวน์ โคโลนี ม.กรุงเทพ (Kave Town Colony) ที่มียอดขาย (พรีเซล) 80% หลังจากเปิดตัวโครงการไปเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นด้านการออกแบบโครงการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่ม Young Generation


นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง คาดว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตวัสดุก่อสร้างเริ่มทรงตัวและปรับลดลง เช่นเดียวกับราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ซึ่งมีผลต่อการปรับตัวลงของวัสดุก่อสร้างหลายๆ ตัวที่ใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบ โดยล่าสุดที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันได้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตซึ่งจะส่งผลดีต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จนถึงสิ้นปี 2565 สำหรับการซื้อขายอสังหาฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง


สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในมิติต่างๆ โดยเตรียมแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ มูลค่าโครงการรวม 6,200 ล้านบาท ได้แก่ 1)โครงการคอนโด Kave Seed Kaset (เคฟ ซี้ด เกษตร) จำนวน 600 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท 2) โครงการแนบราบ Esta Rangsit Khlong 2 (เอสต้า รังสิต คลอง 2) จำนวน 153 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท และ 3) โครงการแนวราบ The Honor Yothin Pattana (ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา) จำนวน 128 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,170 ล้านบาท


ปัจจุบันบริษัท มี Backlog หรือยอดขายที่รอรับรู้รายได้ในปีนี้รวมมูลค่า 4,282 ล้านบาท โดยหลักๆ มาจาก 3 โครงการได้แก่ 1)โครงการคอนโด โมดิซ คอลเลคชั่น บางโพ (Modiz Collection Bangpho) มูลค่าโครงการ 1,230 ล้านบาท 2) โครงการ เคฟ ศาลายา (Kave Salaya) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท และ 3) โครงการเคฟ เอวา (Kave Ava) มูลค่าโครงการ 2,380 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทั้งปีบริษัทจะบรรลุเป้าหมายรายได้รวมที่ 6,000 ล้านบาทได้ตามเป้า


ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 44 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 32 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 9,218 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง


---จบ---

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: RJH ทุ่ม 420 ลบ. ลุยโครงการซื้อหุ้นคืน

บอร์ด RJH เคาะ โครงการซื้อหุ้นคืน จำนวน 18 ล้านหุ้น วงเงิน 420 ลบ. เริ่ม 15 พ.ย.67 - 30 เม.ย.68

หนาแน่น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย เช้าวันนี้ ยังคงมีความคึกคัก .....

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้