สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14พฤษภาคม 2565)--- บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยปรับตัวลงหลุดแนว 1,600 จุด โดยหลักๆ เผชิญแรงเทขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนรายย่อยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยหุ้นกลุ่มที่ร่วงลงแรงสุดในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ เทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้หุ้นไทยเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหยุดยาวเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ มาหนุน สวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ดีดตัวกลับมาได้บางส่วน หลังร่วงลงแรงช่วงก่อนหน้านี้
ในวันศุกร์ (13 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,584.38 จุด ลดลง 2.77% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 80,929.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.80% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.12% มาปิดที่ 601.93 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (16-20 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,565 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,620 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/65 ของไทย สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/65 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก