สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14พฤษภาคม 2565)--- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปีที่ 34.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้น (ดัชนีเงินดอลลาร์ฯ ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 19 ปี) หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐฯ ชะลอลงช้ากว่าที่คาด ซึ่งทำให้ตลาดยังคงประเมินโอกาสความเป็นไปได้ของการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
อนึ่ง ธปท. ระบุว่า ธปท. มีการติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยมองว่า เงินบาทที่อ่อนค่ามีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก แต่การเคลื่อนไหวยังเป็นปกติและยังคงสอดคล้องกับภูมิภาค
ในวันศุกร์ (13 พ.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 พ.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 9-13 พ.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,886.2 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET OUTFLOW ออกจากตลาดพันธบัตร 1,758.4 ล้านบาท (โดยแม้จะมีการเข้าซื้อสุทธิพันธบัตร 2,341.6 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้หมดอายุถึง 4,100 ล้านบาท)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (16-20 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 34.20-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามจีดีพีไตรมาส 1/65 ของญี่ปุ่น ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของอังกฤษและยุโรป การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน และตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนเม.ย. อาทิ ผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราว่างงาน