สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(21 มีนาคม 2565)-----------WGE มือขึ้น! คว้างานก่อสร้างอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น 2 อาคารของ "โครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ แอท เสนาสเตชั่น" มูลค่า 292.50 ล้านบาท จากบริษัท พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ฟาก "เกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม"บิ๊กบอส ระบุกอด Backlog แน่นกว่า 3,061.80 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานใหม่เต็มพิกัด ประเมินผลงานไตรมาส 1/2565 โตโดดเด่น

นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ WGE ผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ แอท เสนาสเตชั่น ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 292,500,000.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีผู้ว่าจ้างเป็น บริษัท พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยลักษณะงานประเภทก่อสร้างอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น 2 อาคาร ประกอบด้วย งานโครงสร้าง สถาปัตยกรรม งานระบบประกอบอาคาร งานภูมิสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งภายใน และมีระยะเวลาการก่อสร้าง 12 เดือน

 

"ในช่วงไตรมาส1/2565 บริษัทฯเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้งานเพิ่มอีก 1 โครงการ ส่งผลให้งานในมือรอรับรู้รายได้(Backlog) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3,061.80 ล้านบาท สนับสนุนผลงานในช่วงต้นปีน่าจะออกมาโดดเด่นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ขณะเดียวกันบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมในการยื่นประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อเป้าหมายยอดงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท"

 

ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า ภาพรวมแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นงานภาครัฐ เช่น งานประเภทโครงสร้างพื้นฐาน หรือ อินฟราสตรัคเจอร์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปิดให้ประมูลมากขึ้น ขณะที่งานภาคเอกชน ในส่วนของบริษัทฯยังมีลูกค้าขนาดใหญ่ในมือที่ต้องการจะขยายงานเพิ่มเติม ทำให้เชื่อว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้นทางภาคอุตสาหกรรม อสังหาริมริทรัพย์ จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน น่าจะทำให้บริษัทฯ มีงานใหม่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

อนึ่ง ในปี 2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.03 ล้านบาท และมีรายได้จากการก่อสร้างและบริการ จำนวน 1,185.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 327.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 38.21% โดยการปรับตัวสูงขึ้นของรายได้ดังกล่าวเป็นผลมาจากงานในมือค้างรับที่สะสมต่อเนื่องและโครงการใหม่ที่บริษัทฯประมูลได้ในปี 2564 โดยกลุ่มลูกค้างานภาครัฐ คิดเป็นสัดส่วน51.59% ของรายได้จากการก่อสร้างและบริการ ขณะที่รายได้จากงานก่อสร้างกลุ่มภาคเอกชนคิดเป็นสัดส่วน 48.41% ของรายได้

 

SKY เพิ่มทุนพีพี 8,000,000 หุ้น ขาย จีฟินน์ คอร์ปอเรชั่น -พนมกร ตังทัตสวัสดิ์-เจน คาซาโนะ-มารชัย กองบุญมา-เกตุนภัส โชคอภิสังข์-ประเสริฐ วิศาลบูชนีย์-กรกช เกียรติสามารถ-วรพจน์ อำนวยพล-จัญจรี ล่ำซำ-วิชุดา วาณิชยพงศ์-เอกลักษณ์ คณิตนวกิจ ราคาหุ้นละ 11.25 บาท แลกซื้อหุ้น จีฟินน์ (ไทยแลนด์) มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 90,000,000 บาท

นายสิทธิเดช มัยลาภ กรรมการ บริษัท สกาย ไอซีที จํากัด (มหาชน) SKY เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2565 ของบริษัท สกาย ไอซีที จํากัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) เมื่อวันที่18มีนาคม 2565 ได้อนุมัติการซื้อและรับโอนหุ้นของ บริษัท จีฟินน์ (ไทยแลนด์) จํากัด (“GFIN”) จํานวน 120,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของจํานวนหุ้นทั้งหมดของ GFIN จาก (1) บริษัท จีฟินน์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (2) นายพนมกร ตังทัตสวัสดิ์ (3) นายเจน คาซาโนะ (4) นายมารชัย กองบุญมา (5) นางสาวเกตุนภัส โชคอภิสังข์ (6) นายประเสริฐ วิศาลบูชนีย์(7) นายกรกช เกียรติสามารถ (8) นายวรพจน์ อํานวยพล (9) นางจัญจรี ล่ำซํา (10) นางสาววิชุดา วาณิชยพงศ์ และ(11) นายเอกลักษณ์ คณิตนวกิจ (รวมเรียกว่า “กลุ่มผู้ขายหุ้น GFIN”) ในราคา 11.25 บาท (สิบเอ็ดบาทยี่สิบห้าสตางค์) รวมถึงการเข้าทําสัญญาซื้อขายหุ้น ข้อตกลง สัญญาอื่น ๆ และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าลงทุนดังกล่าว (“ธุรกรรมการซื้อหุ้นGFIN”)

บริษัทฯ จะชําระค่าตอบแทนธุรกรรมการซื้อหุ้น GFIN ด้วยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จํานวนไม่เกิน 8,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขาย 11.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 90,000,000 บาทให้แก่กลุ่มผู้ขายหุ้น GFIN (“ธุรกรรมการจัดสรรหุ้นเพื่อตอบแทนการซื้อหุ้น GFIN”) แบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลในวงจํากัด(Private Placement) โดยคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 90,000,000 บาท

 

อนึ่ง บริษัท จีฟินน์ (ไทยแลนด์) จํากัด ประกอบธุรกิจการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านซอฟต์แวร์

 

บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการซื้อหุ้น GFIN และธุรกรรมการจัดสรรหุ้นเพื่อตอบแทนการรับโอนหุ้น GFINจะสามารถดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2565 และภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติธุรกรรมการจัดสรรหุ้นเพื่อตอบแทนการรับโอนหุ้น GFIN รวมทั้งอนุมัติเรื่องต่าง ๆ ที่จําเป็น และ/หรือ เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งไม่รวมกรรมการที่มีส่วนได้เสีย และ/หรือ กรรมการที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันเข้าร่วมประชุม มีมติอนุมัติการทํารายการนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ธุรกรรมการซื้อหุ้นโดยการชําระค่าตอบแทนสําหรับธุรกรรมการซื้อหุ้น GFIN ดังกล่าวด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนนั้น เป็นการคุ้มค่าแก่การลงทุน เนื่องด้วย GFIN เป็นธุรกิจทางด้านซอฟท์แวร์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการชําระค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน มิได้ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัทฯแต่อย่างใด

คณะกรรมการบริษัทฯ จึงเห็นว่าการเข้าทําธุรกรรมการซื้อหุ้นซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ ได้มาซึ่งหุ้นทั้งหมดจํานวน 120,000หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของจํานวนหุ้นทั้งหมดของ GFIN นั้น เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อีกทั้งมูลค่าในการเข้าทํารายการดังกล่าวยังอยู่ในความสมเหตุสมผล และมีความคุ้มค่าในเชิงธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการจึงเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจําปี 2565 ลงมติอนุมัติในวาระที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทําธุรกรรมการซื้อหุ้นและการเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจํากัดซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท

นอกจากนี้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติเพิ่มวงเงินการออกและเสนอขายตราสารหนี้ของบริษัทฯ อีกจํานวน 500 ล้านบาท เป็นวงเงินรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับวงเงินตราสารหนี้ที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2561 เพื่อใช้ในการบริหารสภาพคล่องและต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ

 

---จบ---